หญิงชายเท่าเทียม

เมื่อคืนนี้ ภรรยาและบุตรชายข้าพเจ้ากลับจากการเดินทางท่องเที่ยว 8 วันในประเทศจีน ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจอย่างมาก เพราะวันแรกที่เดินทางไป ลูกชายข้าพเจ้าเกิดท้องเสียขึ้นมาอย่างรุนแรง ถึงแม้จะได้เตรียมยาแก้ท้องเสีย แก้ปวดท้อง แก้ไข้และยาฆ่าเชื้อไป ก็ยังสร้างความลำบากให้กับภรรยาข้าพเจ้าไม่ใช่น้อย ลูกต้องเข้าสถานพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือในวันที่ 2 ของการเดินทาง ซึ่งกว่าจะหาย ต้องใช้เวลาถึง 3 วัน ภรรยาข้าพเจ้าเฝ้าดูแลลูกจนไม่ได้หลับ ไม่ได้นอนถึง 2 วัน 2 คืน จนเมื่ออาการไข้ของลูกบรรเทาลง ภรรยาข้าพเจ้าจึงได้พักผ่อนบ้าง แต่ในใจก็ยังเฝ้าเป็นห่วงอยู่ไม่หาย ใน 2 วันสุดท้ายของการเดินทางท่องเที่ยว ร่างกายของบุตรชายดีขึ้นอย่างมาก ภรรยาข้าพเจ้าจึงค่อยมีความสุข ข้าพเจ้าเล่ามาถึงตรงนี้ ก็เพื่อที่จะชี้ว่า ผู้หญิงที่เป็นแม่ทุกคน มักทำหน้าที่ของตนได้ดีเสมอ โดยไม่เคยเรียกร้องสิ่งใด และไม่จำเป็นต้องได้รับคำชม เพราะความสุขของแม่ คือ ลูกอยู่รอด ปลอดภัยจากโรคร้าย โดยไม่มีพยาธิสภาพใดๆ \r\nในครอบครัวหนึ่งๆ ผู้ชายซึ่งทำหน้าที่เป็นพ่อ มักไม่ค่อยมีบทบาทในเบื้องต้นของการดูแลบุตร เพราะผู้หญิงแบกรับบทบาทไปเกือบทั้งหมด นั่นคือ “บทบาทของการตั้งครรภ์” ข้าพเจ้ามักได้ทราบจากคนที่เป็นแม่ว่า แค่‘กำลังใจจากสามี’ก็ถือว่า เพียงพอแล้วสำหรับความเหนื่อยยากอย่างแสนสาหัสจากการตั้งครรภ์และการคลอด \r\nการตั้งครรภ์และการคลอดไม่ใช่เรื่องธรรมดา ที่ใครๆจะมาคิดว่า ‘คงไม่มีปัญหา เพราะนั่นคือธรรมชาติของผู้หญิงที่มีมาเมื่อหลายพันปีก่อน’ หากใครคิดเช่นนั้น ก็ควรคิดเสียใหม่ ดังที่ข้าพเจ้าจะได้เล่าต่อไป\r\nหลายวันที่ผ่านมา ข้าพเจ้าพบเรื่องราวของการตั้งครรภ์และการคลอดที่น่าสนใจของคนไข้ตั้งครรภ์ 3 ราย โดยต้องยอมรับว่า บางทีอาจเป็นเรื่องของกรรมในอดีต…\r\nคุณกิตติมา อายุ 33 ปีตั้งครรภ์ที่ 3 มาฝากครรภ์ตั้งแต่อายุครรภ์ 10 สัปดาห์ ฝากครรภ์ทั้งหมด 13 ครั้ง สุดท้ายขณะที่ตั้งครรภ์ได้ 38 สัปดาห์ 4 วัน กลับได้รับการตรวจพบว่า ลูกของเธอเสียชีวิตในครรภ์ (Dead fetus in utero) ข้าพเจ้าเริ่มสนใจคนไข้รายนี้ เมื่อสูติแพทย์ท่านหนึ่งขอให้ช่วยตรวจอัลตราซาวนด์ผ่านทางหน้าท้องของคนไข้รายหนึ่ง เพื่อยืนยันการเสียชีวิตของทารกในครรภ์ ตอนนั้น คุณกิตติมาใบหน้าดูไม่สู้จะดีนักตอนที่ข้าพเจ้าไปตรวจ ข้าพเจ้าไม่ทราบว่า คุณกิตติมารู้เรื่องราวการเสียชีวิตของบุตรเธอหรือยัง!.. แต่ข้าพเจ้าก็ค่อยๆพูดจากับเธอ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตของทารกในครรภ์\r\nข้าพเจ้าถามคุณกิตติมาขณะที่ตรวจอัลตราซาวนด์ว่า“ลูกไม่ดิ้นมากี่วันแล้วครับ?”\r\nคุณกิตติมาเริ่มเล่า “วันเสาร์ (2 วันก่อน) ลูกดิ้นแรงมากและดิ้นตลอดทั้งวันเลย ต่อมา ก็ดิ้นน้อยลง วันอาทิตย์ลูกไม่ดิ้นเลย วันนี้(จันทร์) หนูจึงรีบมาตรวจ ”\r\nข้าพเจ้าทบทวนประวัติการตั้งครรภ์ในอดีตของคุณกิตติมาพร้อมกับซักถามไปด้วยว่า “ลูกคนแรกและคนที่ 2 ของคุณกิตติมา แท้งตอนท้องได้ 2 เดือนเพราะอะไรหรือครับ?”\r\n“ท้องแรกแท้งเมื่อ 10 ปีก่อน ตอนนั้นหนูยังไม่พร้อม จึงไปทำแท้งที่คลินิกแห่งหนึ่ง ถัดมาอีก 1 ปี หนูตั้งครรภ์อีกด้วยความตั้งใจ แต่คราวนี้แท้งเอง สำหรับครรภ์นี้หนูตั้งครรภ์จนครบกำหนดและกำลังจะคลอดในอีกไม่นาน!…. ไม่น่าเชื่อเลยว่า ลูกจะมาเสียชีวิต น่าเสียดายมาก ” คุณกิตติมาตอบ ด้วยใบหน้าที่เศร้าใจ แสดงว่า เธอได้รับการบอกเล่าเรื่องการเสียชีวิตของลูกมาก่อนแล้ว\r\n“หมอ..เสียใจด้วยจริงๆ เดี๋ยวหมอขอตรวจดูอัลตราซาวนด์หน่อยนะ” ข้าพเจ้าพูดต่อพร้อมกับลงมือตรวจอัลตราซาวนด์ ข้าพเจ้าตรวจพบว่า ‘ศีรษะเด็กและส่วนต่างๆของร่างกายลูกคุณกิตติมานั้นดูไม่แตกต่างกับทารกครบกำหนดปกติทั่วไป ยกเว้นอย่างเดียว คือ ไม่มีการเต้นของหัวใจ จากการคาดคะเน ลูกคุณกิตติมาน่าจะมีน้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม ส่วนของรกมีการเสื่อมสภาพบ้าง เพราะมีสารแคลเซี่ยมมาเกาะอยู่หลายส่วน แต่น้ำคร่ำมีปริมาณปกติ’ \r\nในบันทึกประวัติการฝากครรภ์ ตอนคุณกิตติมาอายุครรภ์ได้ 10 สัปดาห์ เธอมีผื่นคันขึ้นตามตัวอยู่ 2 – 3 วัน โดยไม่มีไข้ ผื่นเป็นตุ่มเล็กๆ ไม่เป็นตุ่มน้ำใส ตอนนั้นมีการสงสัยว่า ‘คุณกิตติมาจะเป็นหัดเยอรมัน?’ด้วย \r\nเนื่องจากคุณกิตติมามีความกังวลใจอย่างมากว่า ‘ลูกของเธออาจติดเชื้อหัดเยอรมันและมีความพิการแต่กำเนิด เพราะพี่ชายของตัวเธอเองมีความพิการแต่กำเนิดและพี่สาวของเธอสมองช้า(ตามระบุ)’ ข้าพเจ้าที่มีส่วนดูแลตอนนั้น จึงได้แนะนำให้ไปตรวจสภาพทารกเกี่ยวกับความผิดปกติต่างๆที่หน่วยทารกปริกำเนิด แผนกสูติ-นรีเวช โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งในบันทึกจดหมายชี้แจงจากสูติแพทย์ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีระบุว่า ‘ได้อธิบายว่า การเจาะน้ำคร่ำจะสามารถทราบความผิดปกติของโครโมโซมเด็ก แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า เด็กจะแข็งแรงหรือเป็นโรคเหมือนพี่สาวพี่ชายของผู้ป่วย ซึ่งการเจาะน้ำคร่ำมีความเสี่ยงที่จะการแท้งบุตรได้ 0.5 – 1% คุณกิตติมาเลือกที่จะไม่เจาะตรวจน้ำคร่ำ’ ตอนที่ส่งคุณกิตติมาไปตรวจที่โรงพยาบาลรามาฯ เธอตั้งครรภ์ได้ 11 สัปดาห์เศษ เมื่อกลับมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลตำรวจอีกครั้ง เธอมีอายุครรภ์ 17 สัปดาห์ 4 วัน หลังจากนั้น เธอก็มาฝากครรภ์ตามนัดทุกครั้ง โดยไม่เคยถูกตรวจพบว่ามีความผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนใดๆ\r\n คุณกิตติมาได้รับการเร่งคลอดในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ทราบว่า ‘บุตรเสียชีวิต’ เธอคลอดบุตรหลังจากเร่งคลอดได้ 6 ชั่วโมงแม้ในตอนแรกรับเข้าอยู่ในห้องคลอด ปากมดลูกจะเปิดเพียงแค่ 3 เซนติเมตร ความบาง 70% ทารกคลอดเมื่อเวลา 12 นาฬิกา 30 นาที เป็นเพศหญิง น้ำหนัก 2900 กรัม โดยมีรกหนัก 700 กรัม ซึ่งทารกได้ถูกส่งไปตรวจหาความผิดปกติแต่กำเนิดที่แผนกพยาธิวิทยา แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ \r\nเรื่องราวการเสียชีวิตของบุตรคุณกิตติมา น่าสนใจในแง่ของ‘ธรรมะ’อย่างมาก เพราะว่า ครรภ์แรก คุณกิตติมาได้ทำแท้งโดยตั้งใจ ส่วนครรภ์ที่ 2 ซึ่งตั้งครรภ์โดยตั้งใจ เธอกลับต้องสูญเสียบุตรจากการแท้งตอนอายุครรภ์ 2 เดือน ในครรภ์นี้ เธอตั้งครรภ์จนครบกำหนดแล้ว แต่อาจเป็นด้วย‘กรรมเก่า’ตามมาทัน จึงส่งผลให้ลูกของเธอเสียชีวิตในครรภ์ ดังนั้น จึงถือเป็นข้อคิดเพื่อเตือนใจว่า ‘คู่ชีวิตทุกคู่ โปรดอย่าได้ทำแท้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร มิฉะนั้น อาจเกิดการแท้งในท้องถัดไปอยู่เรื่อยๆเหมือนกับกรณีของคุณกิตติมา จนกว่าจะมีการอโหสิกรรมของวิญญาณที่จะมาเกิดในการตั้งครรภ์ครั้งแรกนั้น’ \r\nถัดมาอีก 1 สัปดาห์ ในวันอังคารที่ข้าพเจ้าอยู่เวร มีคนไข้อีกรายหนึ่งที่น่าสนใจและตกค้างมาจากคืนวันก่อน ชื่อ คุณสะอาด อายุ 23 ปี ครรภ์แรก เธอมีอายุครรภ์ตามบันทึก คือ 34 สัปดาห์ ข้าพเจ้ามาเดินตรวจดูคนไข้ท้องในห้องคลอด โดยให้พยาบาลและแพทย์ฝึกหัดรายงานปัญหาของแต่ละคน ปรากฏว่า‘ไม่มีคนไข้รายใดมีปัญหา’ แต่ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังผ่าตัดคลอดให้กับคนไข้ท้องรายหนึ่งอยู่ สูติแพทย์เวรคืนวันก่อนได้โทรขึ้นมารายงานว่า “พี่ครับ มีคนไข้รายหนึ่งเมื่อคืนที่อายุครรภ์ 34 สัปดาห์ แต่ผมให้ส่งคนไข้มาตรวจอัลตราซาวนด์ที่ห้องตรวจครรภ์ เพราะท้องเล็กมาก ปรากฏว่า ไม่มีน้ำคร่ำเหลืออยู่ในมดลูกเลย(severe oligohydramnios) คนไข้รายนี้สงสัยเป็น IUGR(intrauterine growth retardation: ทารกเติบโตช้าในครรภ์) ” \r\n“ตายแล้ว!” ข้าพเจ้าอุทานพร้อมกับสั่งให้ผ่าตัดคนไข้รายดังกล่าวทันทีต่อจากรายที่กำลังผ่าตัดอยู่ ผลของการผ่าตัด คือ ได้ทารกตัวเล็กออกมา เป็นเพศชาย มีน้ำหนักเพียง 1710 กรัม แข็งแรงดี คะแนนศักยภาพแรกคลอด เท่ากับ10,10 (เต็ม) โดยมีรกหนัก 380 กรัมเท่านั้น จากการทบทวนประวัติของคุณสะอาด พบว่า เธอเป็นโรคความดันโลหิตสูงตั้งแต่อายุ 17 ปี รับประทานยารักษาโรคไม่สม่ำเสมอ ในระหว่างตั้งครรภ์ เธอก็มีความดันโลหิตค่อนข้างสูงเป็นบางครั้งบางคราว แต่ไม่ได้รับการตรวจพิเศษใดๆ ผลสุดท้าย คือ รกมีการเสื่อมสภาพ เลือดจึงไปเลี้ยงทารกน้อยลง ทำให้ทารกมีรูปร่างแคระแกรนและขับถ่ายปัสสาวะออกมาน้อยมาก ส่งผลให้น้ำคร่ำมีปริมาณน้อยไปด้วย(severe oligohydramnios) หากลูกคุณสะอาดถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ผ่าตัดในตอนนั้น อีกไม่นานนัก เด็กคงจะตายจากการถูกร่างกายตนเองกดเบียดสายสะดือ \r\nการผ่าตัดเอาเด็กแคระแกนเหล่านี้(IUGR) ออกมาโดยรีบด่วนในช่วงอายุครรภ์ 32 – 34 สัปดาห์ จึงถือเป็นการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งเด็กจะสามารถอยู่รอดในโลกนี้ได้อย่างสบาย เพราะจริงๆแล้ว เด็กพวกนี้มีอายุมากแล้ว แต่ขาดอาหารเรื้อรัง ทำให้ทารกมีขนาดตัวเล็กแบบสมส่วน ซึ่งเราอาจเรียกเด็กเหล่านี้เล่นๆว่าเป็น “เด็กแก่”[IUGR(intrauterine growth retardation: ทารกเติบโตช้าในครรภ์)] ก็ได้\r\nในคืนวันเดียวกันนั้น มีคนไข้อีกราย ชื่อ คุณอมร อายุ 33 ปี ตั้งครรภ์แรก เธอมาโรงพยาบาลอย่างฉุกเฉินด้วยเรื่องมีเลือดออกจากช่องคลอดจำนวนมากขณะอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ คุณอมรเคยได้รับการวินิจฉัยว่า มีรกเกาะต่ำ(Placenta previa totalis) และเคยมานอนโรงพยาบาลครั้งหนึ่งด้วยเรื่องตกเลือดตอนอายุครรภ์ 34 สัปดาห์ คราวนี้ คุณอมรได้เข้ามานอนพักที่ห้องคลอดเวลา 2 นาฬิกาของเช้าวันใหม่ โดยมีการแข็งตัวของมดลูกทุกๆ 6 นาที ข้าพเจ้าเห็นว่า ควรผ่าตัดคลอดฉุกเฉิน(Emergency cesarean section) เพราะขืนรอ มีหวังคนไข้ตกเลือดจนเสียชีวิต แต่ก่อนผ่าตัด ข้าพเจ้าได้สั่งการให้พยาบาลช่วยนำอัลตราซาวนด์มาตรวจดูตำแหน่งรกเกาะในมดลูกเสียก่อน ข้าพเจ้าอธิบายให้แพทย์ฝึกหัดฟังไปด้วยว่า “ เหตุที่เราต้องดูอัลตราซาวนด์ ก็เพราะจะได้รู้ว่า รกเกาะอย่างไร อย่างรายนี้ รกเกาะทางด้านหน้า (anterior) โดยรกส่วนใหญ่เกาะค่อนไปทางด้านขวา ดังนั้นจึงควรผ่าตัดเอาเด็กออกทางด้านซ้ายของมดลูกส่วนล่าง โดยเราจะทะลวงผ่านรกเข้าไปแล้วรีบใช้คีม(Forceps)คีบดึงเด็กออกมาอย่างรวดเร็ว สำหรับการทำคลอดรก เราจะต้องค่อยๆทำ มิฉะนั้น จะทำให้มดลูกส่วนล่างฉีกขาดมากจนต้องตัดมดลูก ” ข้าพเจ้าได้ทำตามแผนการที่วางไว้ทุกประการ ทารกคลอดปลอดภัย เป็นเพศหญิง มีน้ำหนัก 2500 กรัม คะแนนศักยภาพแรกคลอด 9,10 (คะแนนเต็ม 10, 10) แต่ที่วุ่นวาย คือ คุณอมรเสียเลือดอย่างมากเนื่องจากแผลภายในมดลูกส่วนล่างตำแหน่งที่รกเกาะมีเลือดไหลออกมาไม่หยุดในช่วงแรก ข้าพเจ้าต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการเย็บแผลห้ามเลือด ในที่สุด ก็สามารถหยุดเลือดได้ โดยไม่ต้องตัดมดลูกของคุณอมร ข้าพเจ้าได้ไปเยี่ยมคุณอมรในวันรุ่งขึ้น และบอกกับเธอว่า “ หากคุณสามารถผ่าน 24 ชั่วโมงหลังผ่าตัดไปได้ คุณก็ไม่ต้องถูกตัดมดลูก แต่..ถ้ามีการตกเลือดเมื่อไหร่ คงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากการตัดมดลูก ” อย่างไรก็ตาม คุณอมรสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตไปได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องสูญเสียมดลูก และกลับบ้านหลังจากนั้นอีก 3 วัน\r\nข้าพเจ้าอยากจะบอกกับทุกท่านว่า เรื่องราวของคนไข้ท้องทั้งสามรายรวมทั้งบุตรในครรภ์ดังกล่าวที่เล่ามา สามารถประยุกต์ได้กับหลักธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่าด้วย ‘ชาติ (การเกิด), ชรา(เด็กแก่) และมรณะ(ทารกตายในครรภ์) ซึ่งไม่มีใครหนีพ้นไปได้ ทุกคนเท่าเทียมกันหมด ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย’ สำหรับการตั้งครรภ์และการคลอดนั้น ผู้หญิงเป็นผู้แบกภาระไว้เกือบทั้งหมดรวมทั้งการเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต(กรณีของคุณอมร)ด้วย ส่วนผู้ชายก็ทำหน้าที่อื่นตามความเหมาะสม และตามเหตุอันควร หญิงชายจึงมีความหมายด้วยกันทั้งคู่ โดยไม่ควรแบ่งแยกหรือแย่งความดีความชอบ เพราะต่างก็มีส่วนดีด้วยกัน ดังบทกลอนที่ข้าพเจ้าแต่งขึ้นระหว่างถือศีลบวชเนกขัมที่วัดประสพสุขเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา \r\n หญิงชายเท่าเทียม\r\nหญิงชาย มีความหมาย ไม่แตกต่าง \tอาจมีบ้าง รูปร่าง ที่สูงต่ำ\r\nผิวพรรณ ขนดก ผมดำ \t\tคมขำ คมคาย ละม้ายกัน\r\nหญิงชาย มีความหมาย ในศักดิ์ศรี \tสูงส่ง ด้วยความดี ที่สร้างสรรค์\r\nเสมอบุญ บารมี ดวงชีวัน\t\t\tกรรมเท่านั้น กำหนด เป็นกฎเกณฑ์\r\n\tหญิงชาย มีหน้าที่ ตามระบอบ\t\tรับผิดชอบ ดีชั่ว ดุจพิมเสน\r\nใครทำดี ดีได้ ไปตามเวร\t\t\t\tใครไหวเอน ทางชั่ว หมองมัวใจ\r\n\tหญิงชาย เท่าเทียม ความสามารถ\t\tความองอาจ กาจเก่ง การแก้ไข\r\nความสุขุม รอบคอบ กอปรภายใน\t\tยามครวญใคร่ ไตร่ตรอง มองอย่างดี\r\n\tหญิงชาย ไม่มีใคร ควรอยู่เหนือ \t\tเปรียบเหมือนเสือ พึ่งไพร ในวิถี\r\nอันชายหญิง อิงแอบ แนบชีวี\t\t\tก็จะมี ความสุข ทุกคืนวัน\r\n\tหญิงชาย จับมือ ถือความสัตย์ \t\tย่อมอุบัติ พัฒนา ดั่งพาฝัน\r\nเหล่าศัตรู คู่อาฆาต พินาศพลัน\t\t\tความสุขสันต์ มั่นคง ดำรงยืน\r\n\tดังนั้น จึงไม่ควร แยกชายหญิง\t\tทำทุกสิ่ง เทียมเท่า อย่าเฝ้าฝืน\r\nจงร่วมเรียง เคียงบ่า ฝ่าวันคืน\t\t\t สุขสดชื่น รื่นรมย์ สมฤทัย.\r\n&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *