ทุกข์

                                     ความทุกข์

                   ความเอย   ความทุกข์                    มีทุกยุค   ทุกสมัย

 สลับสุข   ทุกคนไป      แต่ไร้     ซึ่งปรานี

                  อยู่เหนือ  กาลเวลา   ทรงคุณค่า  อย่างเต็มที่

 เปลี่ยนแปลง   ดุจนที       คือบทกวี   แห่งชีวิต

                  ทุกข์หทัย   ที่ระทม   เพราะใจจม  กับความคิด

 วุ่นวาย  ในดวงจิต    อันเป็นพิษ   และอิดโรย

                  จากการ  ครุ่นคำนึง  เฝ้านึกถึง     อย่างหิวโหย

 ‘อยากเป็น’    ‘อยากกอบโกย’  ‘อยากได้’ โดย ไร้ปัญญา

                 ความอยาก  วิบากกรรม    ถูกน้อมนำ   ด้วยตัณหา

 ผิดหวัง  ย่อมนำพา   จิตอ่อนล้า   น้ำตานอง

                 ทุกข์กาย   ที่ภายนอก  สะท้อนบอก  กรรมสนอง

 ทำดี  บุญคุ้มครอง   ทำชั่วต้อง  โรคจองจำ

                 ความทุกข์  มีหลากหลาย       ดั่งบรรยาย  ในพระธรรม

 ขอจง  น้อมจิตนำ    ซาบซึ้งคำ  สอนบรรยาย

                 อวิชชา  คือต้นธาร      ของสังขาร  สัตว์ทั้งหลาย

 วิญญาณ   ร้อยเรียงราย   สืบสาย  ด้วยรูปนาม

                 ก่อเกิด  สฬายตนะ  อีกผัสสะ   อันวาบหวาม

  กงล้อ  คล้อหมุนตาม   ก้าวสู่ความ  เวทนา

                 เวทนา  คือสาเหตุ                            ของอาเพศ  แห่งตัณหา

 ความอยาก   ปิดบังตา       เป็นที่มา    อุปาทาน

                 ความยึด   ยื้อถือมั่น  ในตัวฉัน   อย่างฝันหวาน

 ย่อมทุกข์    ทรมาน      เป็นตัวการ  ให้เกิด ภพ  

                 เพราะภพ  เป็นปัจจัย  ชาติจึงได้  ไม่รู้จบ

 ความชรา   ดั่งมาณพ   ที่ต้องพบ   มรณา

                 ทั้งประสบ   ความเศร้าสร้อย      คะนึงคอย    อาลัยหา 

 โทมนัส   ทุกข์กายา     แค้นอุรา   ว้าเหว่ใจ

                ปฏิจจสมุปบาท   พุทธศาสตร์    อันยิ่งใหญ่

 ปฏิบัติ    ฝึกหัดได้         ดับทุกข์ภัย   ฤทัยงาม.

                       พ.ต.อ. นพ. เสรี ธีรพงษ์  ผู้แต่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *