สมัยก่อน ผู้คนมักเชื่อว่า “ของแพง จึงจะดี” และ “ในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่จะได้มาฟรีๆ ” สมัยปัจจุบัน ไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป สินค้าบริการมากมายที่คุณภาพดีและเร็วกว่าในอดีต กลับมีราคาถูกอย่างน่าใจหาย บางอย่างได้มาฟรีๆเสียด้วยซ้ำ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ “ คอมพิวเตอร์ และ การเข้าไปเล่นในอินเตอร์เน็ต ” สำหรับการรักษาพยาบาลต่างๆ ในทางการแพทย์ ก็ไม่สามารถหนีพ้นไปจากวัฏจักรของ “ ถูก เร็ว ดี ” ที่ว่านี้ด้วย
บางคนพูดว่า “หากโรงพยาบาลเอกชนดังๆ ลดราคาค่ารักษาพยาบาลลงมาจนพอๆ กับของรัฐบาล อีกไม่นานโรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้นจะเจ๊งทันที เพราะบรรดาคนไข้และคนทั่วไปจะพากันเข้าใจว่า โรงพยาบาลกำลังประสบปัญหา ที่สำคัญคือ หมอดีๆ เก่งๆ คงหายหน้าไปหมดแล้ว”
ข้าพเจ้าเห็นด้วยว่า คงจะเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นมาอย่างแน่นอนจากผลทางจิตวิทยามหาชน แต่…ความเป็นจริงในโลกนี้ ก็คือ หมอเก่งๆมากมายที่ดูแลรักษาคนไข้ได้ดี ไม่จำเป็นต้องคิดค่ารักษาพยาบาลแพงๆ ส่วนหมอที่คิดค่ารักษาพยาบาลแพงๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นหมอที่เก่งและรักษาคนไข้ได้ดี อีกประการหนึ่ง หมอที่ยังไม่มีชื่อเป็นที่รู้จัก ก็ไม่จำเป็นต้องด้อยกว่าหมอที่มีชื่อเสียง.. เผลอๆ บางที กลับรักษาคนไข้ได้ดีและให้ผลสำเร็จมากกว่าอีกด้วย
คนไข้มีบุตรยากจำนวนมาก ตระเวนรักษากับบรรดาหมอที่มีชื่อเสียงจนหมดเนื้อหมดตัว แต่หมอก็ไม่สามารถช่วยเหลือเขาเหล่านั้นให้มีลูกได้….
ความจริง ความสำเร็จในการรักษาภาวะมีบุตรยากขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับตัวอ่อนและตัวของคนไข้เอง ความล้มเหลวจากตัวคนไข้เองมักเกิดจากการที่มีมดลูกไม่ดี หรือรังไข่ผลิตไข่ออกมาจำนวนน้อยและคุณภาพไม่ดีภายหลังได้รับการกระตุ้น อัตราความสำเร็จโดยเฉลี่ย ( จากสถาบันฯ ที่มาตรฐาน ) มีเพียงร้อยละ 30 เท่านั้น หมายความว่า คนไข้ที่มารับการรักษาภาวะมีบุตรยาก 100 ราย จะตั้งครรภ์สำเร็จประมาณ 30 ราย อีก 70 รายไม่สามารถตั้งครรภ์และมีบุตรได้ตามต้องการ นี่คือ สถิติความสำเร็จในการรักษาภาวะนี้ที่คงที่เท่ากันทั่วโลก
เมื่อปีก่อน สามีภรรยาคู่หนึ่ง ซึ่งเป็นคนไทยที่ทำมาหากินอยู่ ณ.ประเทศบรูไน ได้เดินทางกลับมารักษาภาวะมีบุตรยากที่เมืองไทย ฝ่ายหญิงทำหมันแล้ว เนื่องจากเคยสมรสและมีบุตร 2 คน หลังจากแต่งงานใหม่ ฝ่ายสามีต้องการมีบุตรของตนเองอย่างมาก ทั้งสองจึงจำเป็นต้องเดินทางกลับมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เธอกล่าวว่า “ได้เดินทางตระเวนไปรักษาตามคลินิกและโรงพยาบาลหลายแห่ง ใครบอกว่า ที่ไหนมีแพทย์ชื่อเสียงโด่งดัง ก็จะไปรักษายังที่นั่น และขอรักษาด้วยวิธีการที่ดีที่สุด โดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่าย ในที่สุด หลังจากสูญเงินไปประมาณหนึ่งล้านบาท หนูจึงล้มเลิกการดิ้นรนไปยังสถานรักษาที่ดังๆอีก และเดินทางมาที่นี่ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของรัฐ เพื่อหวังจะได้รับคำแนะนำและการรักษาที่ดี”
ข้าพเจ้าบอกกับสามีภรรยาคู่นี้ว่า “ การต่อหมันหญิง เป็นวิธีการที่เหมาะสมสำหรับคุณทั้งสอง ค่าใช้จ่ายน้อยมาก ไม่กี่พันบาท และการผ่าตัดทำได้ไม่ยาก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นหมอรักษาภาวะมีบุตรยากท่านใดผ่าตัด คุณผู้หญิงมีโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จมากกว่าร้อยละ 50 ”
คนไข้สตรีรายนี้เชื่อและเข้ารับการผ่าตัดต่อหมัน เธอตั้งครรภ์สำเร็จในเวลาต่อมา ภายหลังจากตั้งครรภ์ได้ประมาณ 28 สัปดาห์ เธอและสามีขอเดินทางกลับไปยังประเทศบรูไน เพื่อคลอดบุตรที่นั่น คาดว่าบัดนี้ น่าจะคลอดบุตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มูลเหตุที่ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงเรื่องนี้ เนื่องจาก สัปดาห์ที่ผ่านมา มีคนไข้สตรีรายหนึ่ง ชื่อคุณราตรี มาตรวจที่แผนกผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลตำรวจด้วยอาการปวดท้องน้อยด้านขวาอย่างเฉียบพลัน โดยประวัติสำคัญคือ เธอเคยได้รับการผ่าตัดคลอดบุตรคนที่ 2 เมื่อ 4 ปีก่อน และทำหมันพร้อมกันในครั้งนั้น มาครั้งนี้ เธอขาดประจำเดือนไป 2 เดือน แพทย์ที่ตรวจครั้งแรกได้ส่งตรวจเลือดทดสอบการตั้งครรภ์ ปรากฏว่า ค่า Serum b hCG เท่ากับ 13480 หน่วยต่อมิลลิลิตร ( ค่าที่เกิน 25 หน่วยต่อมิลลิลิตร ถือว่าตั้งครรภ์ ) สรุปว่า น่าจะเป็น “ ท้องนอกมดลูก ” อันหมายถึง ตั้งครรภ์อยู่ภายนอกตัวมดลูก และกว่า 90% ของการตั้งครรภ์จะเกิดขึ้นภายในท่อนำไข่ ท่อนำไข่ไม่สามารถรองรับการตั้งครรภ์ได้เกิน 3 เดือน ส่วนใหญ่จะแตกและตกเลือดเข้าไปในช่องท้องขณะตั้งครรภ์ประมาณ 2 เดือน
วันนั้นคุณราตรีได้ขอกลับบ้านไปก่อน (โดยเซ็นใบยินยอมไม่สมัครใจอยู่) โดยขอมาตรวจกับข้าพเจ้าในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากข้าพเจ้าเป็นคนผ่าตัดคลอดและทำหมันให้กับเธอ
ข้าพเจ้ารู้สึกตกใจเมื่อพบหน้าคุณราตรี และถามเธอว่า “ คุณกลับบ้านไปทำไม รู้ไหมว่า ท้องนอกมดลูกนั้นอันตรายมากถึงชีวิต ”
“ หนูรู้ว่าตั้งครรภ์ แต่ไม่รู้ว่าท้องนอกมดลูกหรือเปล่า หนูปวดท้องมากเมื่อวาน แต่วันนี้หนูหายปวดท้องแล้ว ” คุณราตรีเล่าอาการให้ทราบ
ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจที่เธอมีอาการปกติ แต่คิดว่าคุณราตรีน่าจะเป็น ท้องนอกมดลูก มากที่สุด บางที “ ท้องนอกมดลูก ” บริเวณท่อนำไข่ส่วนปลายอาจจะแตกหลุดเข้าไปในช่องท้องและเลือดบริเวณนั้นหยุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าขอตรวจดูอัลตราซาวนด์ผ่านทางช่องคลอดก่อน จึงจะตัดสินใจผ่าตัดให้กับเธอ
คุณราตรีบอก “ หนูนอนฝัน 2 วันติดกันว่า มีผู้ชายคนหนึ่งมาฉุดขาของหนูและอ้อนวอนขอมาเกิดในท้องหนู ถ้าหนูตั้งครรภ์ในมดลูกปกติ หมอช่วยดูแลทำคลอดให้หนูด้วย ”
ข้าพเจ้าตอบว่า “ยังบอกไม่ได้ว่าตั้งครรภ์ปกติหรือเปล่า ต้องดูด้วยอัลตราซาวนด์ทางช่องคลอดก่อน ถ้าไม่พบถุงน้ำการตั้งครรภ์ในโพรงมดลูก แสดงว่า เป็นท้องนอกมดลูก ซึ่งจำเป็นต้องผ่าตัดอย่างฉุกเฉินทันที”
ภายหลังตรวจดูด้วยอัลตราซาวนด์ ข้าพเจ้าได้บอกกับคนไข้ว่า “ เป็นท้องนอกมดลูก และมีเลือดอยู่ภายในช่องท้องประมาณครึ่งลิตร เลือดคงหยุดแล้วจึงไม่ปรากฏอาการช็อก ผมจะผ่าตัดด้วยวิธีการรักษาชนิดใหม่ให้คุณ โดยไม่ต้องเปิดแผลหน้าท้องขนาดใหญ่เหมือนตอนคลอดบุตร แต่จะต้องเจาะท้อง 3 ช่อง แต่ละช่องมีขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร โดยจะผ่าตัดด้วยกล้อง Laparoscope หลังผ่าตัด 1 วัน ก็กลับบ้านได้ ”
วิธีการผ่าตัด “ท้องนอกมดลูก” โดยเจาะท้องส่องกล้อง (LAPAROSCOPIC SURGERY) เป็นวิธีการใหม่ที่หมอหนุ่มๆ สมัยนี้ชอบนำมาใช้ เพราะทำง่าย คนไข้ไม่เจ็บตัวมาก ใช้เวลาผ่าตัดเพียงเล็กน้อย และเร็วกว่าการผ่าตัดวิธีเดิมอย่างมาก มีข้อแม้ประการเดียวที่ไม่สามารถใช้วิธีการนี้ได้ คือ “ คนไข้มีเลือดออกในช่องท้องมากจนอยู่ในอาการช็อก ” ซึ่งการผ่าตัดเปิดหน้าท้องวิธีเดิมจะช่วยให้มองเห็นจุดเลือดออกและหยุดเลือดได้เร็วกว่า
หลังผ่าตัด 2 วัน คุณราตรี สามารถช่วยเหลือตัวเองได้อย่างคล่องแคล่วและขอกลับบ้าน ซึ่งข้าพเจ้าก็อนุญาตด้วยความยินดี
การผ่าตัดด้วยวิธีเจาะท้องส่องกล้อง (LAPAROSCOPIC SURGERY) สำหรับการตั้งครรภ์ชนิด “ ท้องนอกมดลูก ” นั้น นับว่า คุ้มค่ามาก เพราะทั้ง ถูก เร็ว และดีกว่าวิธีเดิมอย่างมาก
หากมีใคร มาชักชวนให้ท่านเดินทางไปรักษาภาวะมีบุตรยากยังต่างประเทศ โดยบอกว่า จะทำให้ท่านมีบุตรได้อย่างแน่นอน ข้าพเจ้าอยากจะเตือนว่า ท่านควรใช้วิจารณญาณศึกษาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ จากข้อมูลต่างๆเท่าที่จะหาได้ แล้วจะรู้ว่า ในเมืองไทยเรามีห้องปฏิบัติการเลี้ยงตัวอ่อนที่มีมาตรฐานไม่แพ้สถาบันใดในโลก ซึ่ง..นั่นคือ ส่วนสำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งของการรักษา สำหรับวิชาการด้านนี้ ถือว่า เป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้วในปัจจุบัน เพราะถ่ายทอดได้ไม่ยาก .. ดังนั้น ท่านควรเลือกหาสถาบันรักษาดีๆที่มีอยู่ดาษดื่นในเมืองไทย ก็จะได้ในสิ่งที่สมหวัง ทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่าย ที่หาไม่ได้ง่ายเลยในเวลานี้.
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&