พี่เลี้ยงจอมโหด

\”ครอบครัวสมัยนี้ ไม่ใหญ่เหมือนสมัยก่อน ส่วนมากภายในครอบครัว จะมีแต่ พ่อแม่
และลูก เท่านั้น พ่อแม่ต้องออกไปทำมาหากินนอกบ้านเกือบทุกวัน พี่เลี้ยง จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่
หลีกเลี่ยงไม่ได้ในสังคมยุคปัจจุบัน\” นี่เป็นความคิดเห็นของผู้คนจำนวนหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้าเห็นด้วย
อย่างยิ่ง
มีหลายครอบครัว ที่ผิดพลาดในการคัดเลือกพี่เลี้ยง เพราะไม่มีเวลาหรือต้องการ
ประหยัด…ไม่อยากจ้างในราคาแพง ซึ่งบางครั้งใช้วิธียกฐานะ \”คนใช้\” ขึ้นมาเป็นพี่เลี้ยงก็มี
ความผิดพลาดเหล่านี้ อาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมได้ จึงควรจดจำไว้ว่า \”พี่เลี้ยงไม่ใช่พ่อแม่ จะ
ดูแลเหมือนกัน ย่อมเป็นไปไม่ได้\”
ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ครอบครัวฐานะดีครอบครัวหนึ่ง มีพี่เลี้ยงของลูกชายวัย 2
ขวบ เป็นสาวชาวอังกฤษ อายุประมาณ 20 ปี ลักษณะภายนอกจัดว่าค่อนข้างดี ท่าทางเรียบง่าย
พูดจาไพเราะ มาทำงานอยู่กับครอบครัวนี้เป็นเวลาหลายเดือน ไม่เคยปรากฏมีเรื่องเลวร้ายออก
มาให้เห็น ดังนั้น จึงเป็นที่ไว้วางใจอย่างมาก
ทุกครั้งที่พ่อแม่ของหนูน้อยกลับถึงบ้านในตอนเย็น มักจะพบลูกชายในสภาพที่สะอาด
สะอ้าน เสื้อผ้าเรียบร้อย นอนหลับสนิท ชวนให้คิดว่า หนูน้อยคงจะมีความสุขอย่างมาก
วันหนึ่ง มีสิ่งผิดสังเกตเกิดขึ้น ตอนเย็นวันนั้น ภายหลังกลับจากที่ทำงานมาถึงบ้าน
พบว่า คราวนี้ลูกไม่ได้อยู่ในสภาพนอนหลับ แต่กลับร้องไห้อย่างทุรนทุราย เอามือกุมบริเวณทรวง
อกตรงราวนมตลอดเวลา ตามลำตัว,ใบหน้า และศีรษะ มีบาดแผลแตก และรอยฟกช้ำหลายแห่ง
สอบถามเอากับพี่เลี้ยง ก็ไม่ได้คำตอบชัดเจน พี่เลี้ยงบอกเพียงว่า เด็กซุกซนมาก วิ่ง
ชนกับขอบโต๊ะและหกล้มศีรษะฟาดพื้น
เด็กน้อยวัย 2 ขวบ พูดยังไม่ค่อยได้ ไม่สามารถอธิบายความ พูดแต่เพียงว่า \”เจ็บ,
เจ็บ,เจ็บ\” ลักษณะท่าทางที่แสดงออกบ่งบอกว่า น่าจะเจ็บปวดทุกข์ทรมานมากจริง ๆ
ไม่รอช้า รีบพาไปหาหมอ พอผลเอ๊กซเรย์ทรวงอกออกมา ทุกคนต่างพากันตกใจ
เพราะซี่โครงหักถึง 2 ซี่ บริเวณทรวงอกทางด้านซ้าย โชคดีที่ส่วนปลายของกระดูกส่วนหักไม่ทิ่ม
ทะลุเข้าไปในเนื้อปอด
ระหว่างที่ลูกนอนพักในโรงพยาบาล บังเอิญม้วนวิดีโอเทปที่อัดจากโทรทัศน์วงจรปิด
ภายในบ้านหมดม้วน ซึ่งปรกติผัวเมียคู่นี้ก็ไม่เคยเปิดดู เพราะเหตุการณ์ภายในบ้านดูเป็นปรกติดี
แต่ครั้งนี้ อยากจะดู เผื่อว่าจะได้รู้สาเหตุที่ลูกชายหกล้มจนกระดูกซี่โครงหัก
ทั้งสองคนต้องตกใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนต้องนำม้วนวิดีโอเทปม้วนเก่า ๆ มาดู
ประกอบกันไปด้วย เพราะแทบไม่เชื่อสายตาเลยว่า
\”ทุก ๆ วัน พี่เลี้ยงที่หลงไว้ใจ จะตบตีลูกชายอย่างไม่มีเหตุผลบ่อย ๆ ตอนบ่าย ๆ
จะให้ลูกชายกินยานอนหลับเพื่อจะได้ไม่ให้ผิดสังเกต
วันที่เกิดเรื่องวันนั้น ตอนเช้า พี่เลี้ยงไม่เอาใจใส่ลูกชายเช่นเคย พี่เลี้ยงคนนี้
เลี้ยงเด็กเหมือนกับเลี้ยงลิงหรือสัตว์เลี้ยงอะไรสักตัวหนึ่ง เพราะจะดูแลเฉพาะตอนให้อาหาร
เท่านั้น ส่วนใหญ่จะเอาเวลาไปดูแลตัวเองและดูโทรทัศน์
ทำไมพี่เลี้ยงที่ผ่านการอบรมมาแล้ว จึงขาดจิตวิญญาณของการเป็น \”พี่เลี้ยงที่ดี\” ซึ่ง
ควรจะต้องรักและเอ็นดูเด็กเล็ก ๆ ทุกคน จริง ๆ แล้ว หากเธอทำตัวได้ดีเพียงครึ่งหนึ่งของ
พี่เลี้ยงทั่ว ๆ ไป คงจะหากินในอาชีพนี้ได้อีกนาน ไม่ต้องมาจบชีวิตการทำงานอย่างน่าสงสารใน
คุกและสถานที่ดัดสันดาน
ตอนบ่ายพี่เลี้ยงรีบกุลีกุจอจัดโน่นจัดนี่อาบน้ำแต่งตัวให้ลูก เพื่อสร้างฉากละครอีกครั้ง
หลังจากป้อนข้าวป้อนน้ำและนำเด็กไปทำกิจธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ได้พาไปอาบน้ำดังเช่นเคย
ปฏิบัติมา ตอนนี้เองที่ลูกแสดงอาการต่อต้าน ไม่ยอมอาบน้ำ แต่ไหนเลยจะสู้แรงพี่เลี้ยงได้ เด็ก
อาบน้ำไปก็ร้องไห้ไป ขณะที่เช็ดตัว ยังร้องไห้ไม่หยุดอีก พี่เลี้ยงตะโกนให้หยุดร้องครั้งที่หนึ่ง
ครั้งที่สอง ยังไม่ทันตะโกนครั้งที่สาม มือไวกว่าคำพูด เธอจับหัวลูกโขกกับขอบอ่างอาบน้ำจนมี
แผลแตกเลือดอาบหน้า แค่นั้นยังไม่หนำใจ ยังตบ ตีและเหวี่ยงจนเด็กกระเด็นไปกระแทกกับ
โซฟาอย่างแรง คราวนี้เด็กร้องไห้ไม่ยอมหยุด เอามือจับบริเวณทรวงอกตลอดเวลาจนในที่สุดถึง
ขนาดต้องนำส่งโรงพยาบาล\”
พ่อแม่คู่นี้ แจกแจงให้ตำรวจทราบความเป็นมาของเหตุการณ์ก่อนที่จะแจ้งความจับ
พี่เลี้ยงใจร้ายรายนี้ ตำรวจถามพี่เลี้ยงคนนี้ว่า \”จะยอมรับความผิดดังกล่าวหรือไม่ และทำไปด้วย
เหตุใด ทั้ง ๆ ที่มีเจ้านายดีอย่างนี้\”
พี่เลี้ยงตอบว่า \”ยอมรับ ส่วนสาเหตุที่ลงไม้ลงมือกับเด็กทุกครั้ง เพราะเบื่อและทน
ไม่ได้ต่อเสียงร้องไห้ของเด็ก\” ชีวิตของพี่เลี้ยงคนนี้ ต่อมาได้รับการพิพากษาให้ติดคุก 1 ปี และ
ส่งไปอบรมที่สถานดัดสันดานต่อ จวบจนอายุครบ 25 ปี จึงจะให้ออกมาประกอบอาชีพ แต่ห้ามเป็น
พี่เลี้ยงอีกต่อไป
ที่ประเทศใต้หวัน เกิดมีโศกนาฏกรรมเกี่ยวกับพี่เลี้ยงเช่นกัน เพียงแต่พฤติกรรมและ
ความรักของพี่เลี้ยงต่อเด็กเล็ก ๆ แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
พี่เลี้ยงคนที่ว่านี้ เดิมทีเป็นเพื่อนสนิทร่วมชั้นเรียนเดียวกับเจ้านาย แต่เพราะว่า
ไม่ได้แต่งงานและฐานะยากจน จึงได้รับการชักชวนให้มาดูแลลูกชายของเพื่อน วัย 2 ขวบ
เนื่องจากเพื่อนของเธอเพิ่งหย่ากับสามีและยังมีคดีความค้างคากันอยู่
ด้วยความเป็นเพื่อนสนิท จึงได้รับเกียรติอย่างมากให้พักอยู่ด้วยกันในห้องพักอย่างดี
และให้หนูน้อยเรียกเป็น \”แม่\” ทุกคำ พี่เลี้ยงคนนี้แตกต่างจากพี่เลี้ยงคนอื่น ๆ ตรงที่ ทุ่มเท
ความรักให้อย่างหมดหัวใจ ดูแลเอาใจใส่ลูกอย่างดี ดีกว่าแม่แท้ ๆ เสียอีก ไม่ว่าจะอาบน้ำ
แต่งตัว พาไปโรงเรียน รับกลับบ้าน ดูแลเรื่องอาหารการกิน ช่วยทำการบ้าน และพาไปนอน
ก่อนนอนยังเล่านิทานและนอนเป็นเพื่อนลูกจนหลับไปอีกด้วย
เวลาล่วงเลยไป จนเด็กน้อยเจริญวัยได้ 8 ขวบ คดีฟ้องร้องได้รับการตัดสินจากศาล
ให้มารดามีสิทธิ์ในการอุปการะเลี้ยงดูลูกแต่เพียงผู้เดียว มารดาของเด็กน้อยได้แจ้งให้พี่เลี้ยง
ทราบว่า จะส่งตัวลูกชายไปอยู่กับยายที่บ้านนอก แต่พี่เลี้ยงไม่ยอมและได้ทะเลาะกัน ในที่สุดก็ไม่
สามารถเปลี่ยนใจแม่ของเด็กได้ เพราะส่วนหนึ่งเกิดจากความรู้สึกว่า \”พี่เลี้ยงรักลูกของเธอมาก
เกินไป เกินกว่าที่ควรจะเป็น\”
วันหนึ่ง พี่เลี้ยงคนนี้ไปหาคุณยายที่เลี้ยงหลานคนดังกล่าว เพื่อขอพาหนูน้อยไปเที่ยว
คุณยายไม่ได้สงสัยอะไร อนุญาตให้ไป เพราะคิดว่า เคยอยู่ร่วมกันมา 6 ปี คงจะคิดถึงกันมาก
พี่เลี้ยงพาหนูน้อยลงไปทางใต้ที่จังหวัดเกาสง และเข้าพักที่โรงแรมมีชื่อแห่งหนึ่ง ระบุ
ในทะเบียนแขกผู้มาพักว่า \”มารดาและบุตร\” ทั้งสองคนเข้าไปในห้องพักนานมาก ไม่เห็นออกมา
จากห้องเสียที คนทำความสะอาดเห็นผิดสังเกต ลองไปเคาะประตู แต่ไม่มีคำตอบ จึงเอากุญแจ
ไขประตูเข้าไป เธอต้องตกใจ เพราะภาพที่เห็นเป็นภาพที่น่าสยดสยองยิ่งนัก หนูน้อยอยู่ในสภาพ
ถูกแขวนคอตาย ห้อยต่องแต่ง ผู้หญิงคนนั้นนอนสลบบนเตียง ปล่อยให้เลือดไหลออกมาจากข้อมือ
ที่เธอใช้มีดกรีด ที่หัวเตียงมีจดหมายวางไว้ จ่าหน้าซองถึงแม่เด็ก มีใจความว่า \”เด็กคนนี้
ในความรู้สึกจากส่วนลึก คือ ลูกแท้ ๆ ของฉัน แม้ว่าจะไม่ได้คลอดออกมาเองก็ตาม
ทำไมเพื่อนต้องมาแย่งและแยกลูกจากอ้อมอกไปด้วย ไม่มีลูกคนนี้ มีชีวิตอยู่ ก็ไม่มี
ความหมาย ฉันทนไม่ได้ ขอตายพร้อมกับลูก ต่อไปนี้ไม่มีใครแยกเราออกจากกันได้อีก\” พี่เลี้ยง
คนนี้ได้รับการช่วยเหลือจนรอดชีวิตและชดใช้กรรมในคุกตลอดไป แต่ใครจะสามารถชดเชยชีวิต
ของหนูน้อยที่น่ารัก และความรู้สึกของแม่ที่แท้จริงได้
พี่เลี้ยง มีมากมาย ทั้งที่ดีเหลือหลายและเลวเหลือล้น ตราบใดที่สังคมยังเป็นเช่นทุก
วันนี้ เราคงหลีกหนีการมีพี่เลี้ยงมาช่วยเหลือไม่พ้น และคงต้องคัดเลือกให้ดี เพราะคุณค่าของ
พี่เลี้ยงเทียบเท่ากับ \”แม่คนที่สอง\” ของลูก หากเป็นไปได้ต้องแอบหาเวลามาตรวจดูพฤติกรรม
ของพี่เลี้ยงยามที่เราไม่อยู่ หรือติดโทรทัศน์วงจรปิด เพื่อติดตามดูการเคลื่อนไหวภายในบ้าน
อย่าปล่อยให้วัวหายแล้วจึงมาล้อมคอก เพราะเมื่อเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น จะไม่มีสิ่งใดมาทดแทนลูก
ของเราได้เลย

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
พ.ต.อ.นพ.เสรี ธีรพงษ์ ผู้เขียน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *