ท่อนำไข่มหาภัย

‘ท่อนำไข่’ แต่เดิมมา ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรในความรู้สึกของคนทั่วไป นอกจากเป็นทางเดินของไข่ ที่จะหลุดจากรังไข่เข้าไปทางปากแตรท่อนำไข่ (Fimbria) เพื่อปฏิสนธิกับตัวอสุจิภายในนั้น แล้วกลายเป็นสิ่งมีชีวิต ที่เรียกว่า ‘ตัวอ่อน’ (Embryo) อย่างไรก็ตาม วันดีคืนดี ท่อนำไข่นี้อาจกลายเป็นถุงน้ำ (Hydrosalpinx) หรือ ท้องนอกมดลูก (Tubal pregnancy) ก็ได้ และนำความหายนะมาสู่ตัวผู้เป็นเจ้าของ

คุณอรอุมา อายุ 31 ปีเศษ มาพบข้าพเจ้าเมื่อราว 1 เดือนก่อน ด้วยเรื่องมีเลือดออกกะปิดกะปรอยจากช่องคลอด เธอมีบุตร 2 คน คนสุดท้องอายุ 3 ขวบ และทำหมันแล้ว ตอนนั้น ข้าพเจ้าตรวจอัลตราซาววนด์ผ่านทางช่องคลอดให้กับเธอ พบก้อนที่ด้านข้างของมดลูก ลักษณะเหมือนก้อนเนื้อ (Solid mass) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 4 – 6 เซนติเมตร ทำให้นึกถึงว่า เธอน่าจะเป็นเนื้องอกมดลูกบริเวณผิว (Subserous myoma) แต่.ใจหนึ่ง ก็กลัวว่า มันอาจจะเป็นก้อนมะเร็งรังไข่?? ข้าพเจ้าได้ส่งคุณอรอุมาเข้ารับการตรวจอัลตราซาวนด์ที่แผนกเอกซเรย์อีกครั้ง เพื่อยืนยันผลการตรวจของข้าพเจ้า ซึ่งก็ได้ผลเช่นเดียวกัน นอกจากนั้น ยังส่งตรวจเลือดด้วย ผลเลือดสำหรับมะเร็งรังไข่ (CA125) ไม่พบค่าผิดปกติ อย่างไรก็ตาม ผลเลือดสำหรับการตั้งครรภ์กลับเพิ่มขึ้นน้อยๆ แต่มีนัยให้คิดถึงการตั้งครรภ์ [serum beta HCG = 27.10 หน่วย (ค่าปกติ = 0 – 5 หน่วย)]

ถัดจากนั้น มา 1 สัปดาห์ ข้าพเจ้าตรวจอัลตราซาวนด์ให้กับคุณอรอุมาซ้ำอีก ก็พบเป็น ก้อนเนื้อ Complex mass ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 เซนติเมตร เช่นเดิม ตอนนั้น ข้าพเจ้านึกถึงว่า คุณอรอุมาน่าจะเป็นท้องนอกมดลูกชนิดเรื้อรัง (Chronic ectopic pregnancy) มากกว่า เพราะผลเลือดการตั้งครรภ์ (serum beta HCG) เพิ่มสูงขึ้น และซักประวัติเพิ่มเติมได้ว่า ‘หลายวันก่อน คุณอรอุมามีอาการปวดท้องน้อยด้านซ้ายอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน’ ข้าพเจ้าแนะนำให้คนไข้เข้ารับการผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช แม้ว่า ผลเลือดการตั้งครรภ์ (serum beta HCG) ใน 1 สัปดาห์ถัดมา จะมีค่าลดลงเหลือเพียง 0.10 หน่วยเท่านั้น

ที่ห้องผ่าตัด ข้าพเจ้าเจาะท้องตรงสะดือคุณอรอุมา ด้วยการผ่าตัดเปิดแผลที่สะดือให้กว้าง เพื่อจะได้เอาไว้เป็นทางออกของก้อนเนื้องอก ข้าพเจ้ากลัวว่า ก้อนเนื้องอกดังกล่าว จะเป็นเนื้องอกมดลูกส่วนผิว (Subserous myoma) เนื่องจากผลเลือดการตั้งครรภ์ลดลงเร็วมาก คือ จาก 27 เป็น 0 หน่วย ภายใน 1 สัปดาห์…

สิ่งที่ข้าพเจ้ามองเห็นภายในท้องคุณอรอุมาทันที คือ มีก้อนเนื้อที่ปีกมดลูกด้านซ้ายขนาด ราว 4 x 7 เซนติเมตร วางซ่อนอยู่ข้างในแอ่งอุ้งเชิงกรานด้านซ้าย ลักษณะสีคล้ำออกเขียวๆ ตอนนั้น ข้าพเจ้าแน่ใจแล้วว่า มันเป็นก้อนของท้องนอกมดลูก (Chronic ectopic pregnancy) ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงใช้เครื่องมือตัดก้อนเนื้อท้องมดลูกออก โดยใช้วิธีตัดท่อนำไข่แบบย้อนรอย (Retrograde tubal resection) คือ ตัดบริเวณท่อนำไข่ด้านซ้ายตรงขั้ว ส่วนที่ยื่นออกมาจากตัวมดลูกก่อน และตัดเลาะก้อนเนื้อภายในท่อนำไข่นั้น ย้อนขึ้นไปจนถึงปากแตรท่อนำไข่ (Fimbria) เมื่อตัดเลาะสำเร็จ ก็เอาก้อนเนื้อชิ้นนี้ออกทางแผลบริเวณสะดือ

วิธีการเอาก้อนเนื้อออกทางสะดือ กระทำโดย นำเอาถุงปลาสติกขนาด 4 x 6 เซนติเมตร สอดเข้าทางปากแผล (Trocar) ที่สะดือ และหย่อนเข้าไปในช่องท้อง จากนั้น ก็ใช้เครื่องมือคลี่มันออก แล้วคีบเอาก้อนเนื้อนั้นใส่เข้าไปในถุงพลาสติก ถุงพลาสติกนี้ ข้าพเจ้าได้ใช้สายเชือกร้อยปากถุงไว้เป็นเงื่อนตายลักษณะเป็นเส้นวงกลม เมื่อใส่ชิ้นเนื้อลงในถุงปลาสติกเรียบร้อย ก็ใช้เครื่องมือจับเชือกที่คล้องปากถุง รูดปิดปากถุง ยื่นส่งปลายเชือกไปออกที่ปากแผลที่สะดือ แล้วดึงให้ปลายถุงโผล่ที่ผิวหนังหน้าท้อง จากนั้น ก็คลายคลี่ปลายถุงเปิดออก ค่อยๆใช้คีมคีบเอาชิ้นเนื้อออกทีละน้อย ทีละน้อย จนหมด

ถัดจากนั้น ไม่กี่วัน ข้าพเจ้าพบคนไข้อีกราย มีพยาธิสภาพคล้ายๆกันกับรายแรก คนไข้ ชื่อ คุณสมควร อายุ 32 ปี แต่งงานมา 9 ปี ยังไม่มีบุตร เธอมาโรงพยาบาลด้วยเรื่องปวดท้องน้อยอย่างเฉียบพลันและรุนแรง.. จริงๆแล้ว เธอปวดท้องน้อย มา 3 – 4 วันแล้ว มาหาแพทย์หลายครั้ง ก็ยังไม่ดีขึ้น และถูกส่งต่อมาพบกับข้าพเจ้าเพื่อเข้ารับการผ่าตัดผ่านกล้อง ข้าพเจ้าได้ตรวจอัลตราซาวนด์ให้กับเธอ พบว่า เธอมีถุงน้ำด้านขวาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 เซนติเมตร ภายในมีของเหลวค่อนข้างข้น และมีลักษณะเส้นๆอยู่ภายใน ข้าพเจ้าคิดว่า มันน่าจะเป็นถุงน้ำรังไข่ที่เรียกว่า Dermoid cyst ซึ่งขณะนั้น มันน่าจะบิดตัวเป็นบางส่วน (Partial Twisted) เพราะคนไข้ยังมีอาการปวดท้องอยู่และทนได้ ข้าพเจ้าได้สั่งการให้คนไข้เข้ารับการผ่าตัดในวันรุ่งขึ้นตอนเช้า เพื่อให้มีการเตรียมลำไส้ให้ว่างและสะอาดเสียก่อน

ที่ห้องผ่าตัด ข้าพเจ้าเจาะท้องตรงสะดือ และขยายปากแผลให้กว้าง เพื่อเป็นทางออกของถุงน้ำ Dermoid cyst… ถุงน้ำชนิดนี้ หากว่า แตกเสียก่อน.. ของเหลวที่อยู่ภายในจะไหลออกมากัดหรือทำให้ลำไส้เป็นแผลเหมือนถูกไฟไหม้ ดังนั้น การผ่าตัด จึงต้องวางแผนเป็นอย่างดี และระมัดระวังอย่างสูง

หลังจากใส่กล้องเข้าไปทางสะดือ ข้าพเจ้าก็มองเห็น ถุงน้ำท่อนำไข่ที่เรียกว่า Parovarian cyst บิดตัวพร้อมกับท่อนำไข่ที่ขั้วจำนวน 2 รอบ ก้อนถุงน้ำที่ประกอบด้วย 2 ส่วนนี้ มีสีคล้ำและบวมเป่งมาก ข้าพเจ้าได้ใช้เครื่องมือตัดเลาะเอาก้อนถุงน้ำนี้ออกเช่นเดียวกับกรณีคุณอรอุมา โดยไม่จำเป็นต้องตัดรังไข่ข้างขวาทิ้ง เนื่องจากถุงน้ำดังกล่าวไม่ใช่ Dermoid cyst ดังนั้น ของเหลวภายในถุงน้ำ จึงไม่มีคุณสมบัดิกัดกร่อนผิวลำไส้ ข้าพเจ้ารู้สึกสบายใจที่ไม่ต้องระมัดระวังมากในการผ่าตัด เมื่อตัดเอาก้อนถุงน้ำออกจากขั้วได้สำเร็จ ก็ดำเนินการนำไปใส่ถุงพลาสติกและเอาออกทางปากแผลบริเวณสะดือ ผลชิ้นเนื้อที่ออกมา ก็เป็น Parovarian cyst ตามคาด

วันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าได้ไปเยี่ยมคนไข้ คุณสมควรบอกว่า คืนที่รอผ่าตัด เธอปวดท้องน้อยจนนอนไม่ได้ทั้งคืน พอผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย อาการปวดท้องน้อยก็หายเป็นปลิดทิ้ง คุณสมควรสามารถเดินเหินได้สะดวก แม้เวลาผ่านไปไม่ถึง 24 ชั่วโมง.. ข้าพเจ้าอนุญาติให้เธอกลับบ้านได้ในวันนั้น เธอและสามีรู้สึกขอบคุณข้าพเจ้ามากที่ผ่าตัดด้วยวิธีนี้ โดยซื้อกระเช้าของขวัญมาให้ ข้าพเจ้ากล่าวขอบคุณเธอและบอกเธอว่า ตอนที่ผ่าตัด ข้าพเจ้ายังมองเห็นถุงน้ำดีของคุณสมควรพองโตด้วย ภายภาคหน้า เธออาจกลับมาด้วยเรื่องถุงน้ำดีอักเสบ..นอกจากนั้น ปากมดลูกของเธอ ก็พบมีแผลอักเสบเรื้อรังหลายแห่ง คุณหมอผู้ช่วยได้ตัดและส่งตรวจชิ้นเนื้อบริเวณนั้น (Biopsy) ผลไม่พบเป็นมะเร็ง แต่ก็ควรระมัดระวัง ระหว่างนี้..ข้าพเจ้าอยากให้เธอรีบตั้งครรภ์ ด้วยเหตุผลที่ว่า ต่อไป เธออาจต้องเข้ารับการตัดมดลูกจากพยาธิสภาพที่ตำแหน่งข้างต้นกลายเป็นมะเร็งปากมดลูก

คนไข้ทั้งสองรายนี้ มีพยาธิสภาพเกิดขึ้นที่ท่อนำไข่ และการรักษาผ่าตัดที่คล้ายคลึงกันมาก แต่ก็มีข้อแตกต่างปลีกย่อย เพียงเล็กน้อย ที่ควรนำมาวิเคราะห์ กรณีของคุณอรอุมา พยาธิสสภาพเกิดขึ้นภายในท่อนำไข่โดยตรง คือ เป็นก้อนท้องนอกมดลูกในท่อนำไข่ (Chronic ectopic pregnancy) กรณีของคุณสมควร เป็นที่ถุงน้ำด้านข้างท่อนำไข่ (Par ovarian cyst) ที่หมุนบิดตัว และพาเอาท่อนำไข่ข้างนั้นบิดตัวไปด้วย กลายเป็นก้อนถุงน้ำ 2 ส่วนที่บวมเป่งจากเลือดที่คั่ง ทั้งสองกรณี คนไข้จะต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่า..เราควรจะผ่าตัดด้วยวิธีใดเท่านั้น

หากผ่าตัดด้วยวิธีผ่าเปิดหน้าท้อง การผ่าตัดจะไม่ยุ่งยาก แต่คนไข้จะปวดแผลที่ผนังหน้าท้องอย่างมาก และกลับไปทำงานได้ช้า นอกจากนั้น ยังจะมีอาการปวดแผลหน้าท้องอยู่เรื่อยๆ หลังจากหายสนิทแล้ว แต่..วิธีการผ่าตัดผ่านกล้องนั้น มีประสิทธิภาพเหนือกว่า คนไข้กลับไปทำงานได้เร็ว และไม่ปวดแผลหน้าท้อง แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานสักเท่าไหร่

‘ท่อนำไข่’ มีขนาดยาวเพียงเท่าเส้นก้วยเตี๋ยว ภายในท่อ ก็กว้างเท่ากับหลอดกาแฟ แต่พยาธิสภาพที่เกิดขึ้นกลับรุนแรงมาก จนอาจทำให้คนไข้เสียชีวิตได้ ดังนั้น คุณผู้หญิงทุกคนไม่ควรประมาท โดยเฉพาะโรคท้องนอกมดลูกเรื้อรัง ซึ่งมีลักษณะที่แปรเปลี่ยนไปจากที่ข้าพเจ้าเคยทราบมา กล่าวคือ ค่าผลเลือดการตั้งครรภ์ (serum beta HCG) ที่เคยพบ มักมีค่าค่อนข้างสูง อยู่ในราว 100 – 500 หน่วย คราวนี้ ข้าพเจ้ากลับพบค่าผลเลือดหการตั้งครรภ์ลดลงจนถึง 0 ซึ่งเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ หากข้าพเจ้าไม่ผ่าตัดเอาก้อนเนื้ออกมาเอง มันก็คงเป็นปริศนาข้อสงสัยสำหรับข้าพเจ้าต่อไป.. ดีไม่ดี อาจคิดว่า คนไข้เป็นมะเร็งรังไข่จริงๆ และส่งคนไข้ไปเข้ารับการรักษากับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งทางสูตินรีเวช

ข้าพเจ้าอยากให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า ผู้หญิงที่ผ่านการทำหมันมาแล้ว เมื่อปวดท้องน้อยทางด้านใด ด้านหนึ่ง ร่วมกับมีเลือดออกกะปิดกะปรอย สิ่งที่ต้องคิดถึงอันดับแรก คือ ‘ภาวะท้องนอกมดลูก’ ซึ่งอาจจะเป็นท้องนอกมดลูกธรรมดา หรือท้องนอกมดลูกเรื้อรัง ก็ได้

ส่วนคนไข้สตรีที่มีอาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรงตลอดเวลา ร่วมกับมีถุงน้ำขนาดใหญ่ (กว่า 5 เซนติเมตร) ทางด้านข้างของมดลูก (Adnexal mass) สิ่งที่ต้องนึกถึงอันดับแรก คือ ถุงน้ำรังไข่บิดตัว (Twisted ovarian cyst)… ถุงน้ำรังไข่ในกรณีนี้ที่พบมากที่สุด คือ Dermoid cyst ซึ่งของเหลวภายในนั้น อันตรายเป็นที่สุด เพราะมันมีคุณสมบัติกัดกร่อนลำไส้ นอกจากนั้น ยังมักทำให้เกิดภาวะลำไส้อุดตันหลังผ่าตัด (Gut obstruction) บ่อยๆอีกด้วย

ท้องฟ้าในคำคืนนี้ มีดวงดาวเต็มท้องฟ้า แสดงให้เห็นว่า ไม่มีเมฆหมอก จนอาจทำให้เราเข้าใจผิดว่า ปัญหาเรื่องดินฟ้าอากาศไม่มี… แต่ ในยามนี้ ผู้คนได้ทำลายสิ่งเวดล้อมไปอย่างมากมาย ทำให้ อากาศแปรปรวนไปมาก วันดีคืนดี ก็มีพายุร้ายพัดผ่านเข้ามา นำพาให้เกิดมีน้ำท่วม อุทกภัย คุณผู้หญิงทุกท่าน ก็เหมือนกัน ทุกวันนี้ สิ่งแวดล้อมและอาหารการกิน แปรเปลี่ยนไปแล้ว ทำให้พยาธิสภาพภายในร่างกาย อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว หากเป็นไปได้ ก็อย่าประมาท มีโอกาส ก็ควรเข้าไปรับการตรวจภายในและอัลตราซาววนด์ผ่านทางช่องคลอด โรคร้ายๆ อาทิ มะเร็งถุงน้ำรังไข่หรือท่อนำไข่ ก็จะได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

พ.ต.อ. นพ. เสรี ธีรพงษ์ ผู้เขียน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *