13 กุมภาพันธ์ 2568

ปรัชญาคนขับรถแทกซี่

 ปรัชญาคนขับรถแทกซี่

                ไม่กี่วันก่อน ตอนเช้ามืด.. ข้าพเจ้าได้นั่งรถแทกซี่ จากโรงพยาบาลบเอกชนกลับบ้านหลังจากเลิกเวร.. ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ ข้าพเจ้าก็เอ่ยปากถามไปตามเรื่อง ถึงภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันของปี พ.ศ. 2558 และ 2559 ว่า ‘เป็นยังไงบ้าง กับรายได้?’ คำตอบที่ได้ ทำให้ ข้าพเจ้าแปลกใจว่า คนขับรถแทกซี่ เป็นนักปรัชญาหรือเปล่า?? เพราะเขาพูดจาได้เฉียบขาด มีเหตุ มีผล มากจริงๆ

คนขับรถแทกซี่ พูดว่า ‘ ทุกสิ่งทุกอย่าง ในวงการธุรกิจ มักเป็นไปตามกฎของ demand & supply รายได้จากการขับรถแทกซี่ก็เช่นกัน..ย่อมหนีไม่พ้นจากอุปสงค์และอุปทาน..เมื่อมีรถแทกซี่ออกมาในท้องถนนมากมาย คนขับก็ต้องมีรายได้น้อยลง เป็นธรรมดา นอกจากนั้น ยังมีคู่แข่งเป็นรถพาหนะอื่นๆอีกครับ..รถตู้ขาว เข้ามาแย่งเส้นทางยาวๆ ..รถมอเตอร์วิ่งว่อนรับผู้โดยสารยามรถติดและเส้นทางสั้นๆ ..รถสองแถววิ่งเก็บเกี่ยวในระยะทางสั้นๆและกลางๆ..สารพัด สารเพ ของการแข่งขันหาลูกค้า…ไหนเลย ประเทศไทยจะมีสภาพเศรษฐกิจที่เลวร้ายลงทุกวัน จากการที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศ ไม่ค่อยเข้ามาไทยด้วยปัจจัยข่าวร้ายๆ และยังมี..การย้ายถิ่นของบริษัทอุตสาหกรรมหนัก (Heavy Industry) ไปยังประเทศ เวียตนาม กัมพูชาและพม่า..อีกจำนวนมาก อันเป็นผลมาจากค่าแรงที่สูงและจากความเสียหายของภาวะน้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2554 ’

ข้าพเจ้าฟังคนขับแทกซี่จนเพลิน ก็นึกถึงเรื่องราวของการผ่าตัดคนไข้ผ่านกล้องทางนรีเวช ที่เพิ่งผ่านมา ว่า มีปัญหาอะไรบ้าง จะคล้ายคลึงกับปัญหาคนขับแทกซี่รายนี้หรือเปล่า?

คนไข้รายนี้ เป็นผู้หญิงอายุ 40 ปี มีครอบครัวแล้ว..แต่ไม่มีประวัติคลอดบุตรที่แน่นอน ข้าพเจ้าถามย้ำกับพยาบาลในห้องผ่าตัดว่า ‘คุณสุกัญญา เคยคลอดบุตรมาก่อนหรือไม่?’ การที่ข้าพเจ้าถามเช่นนั้น ก็เพราะว่า ถ้าคุณสุกัญญา เคยคลอดบุตรมาก่อน.. ช่องคลอดเธอจะกว้างขวางพอ ที่จะตัดเลาะเอาเนื้องอกออกทางช่องคลอดได้อย่างสะดวก..โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษปั่นและดูดชิ้นเนื้อออกทางหน้าท้อง..

พยาบาลห้องผ่าตัดคนหนึ่งตอบว่า ‘ไม่ทราบคะ..แต่เธอเคยผ่าตัดไส้ติ่ง’ คำตอบนั้น ไม่ได้ตอบคำถามชัดเจน..เพียงแต่พอบอกได้ว่า ‘ส่วนขวาล่างของช่องท้องคุณสุกัญญาจะมีพังผืด ไม่มากก็น้อย’ ซึ่งเมื่อเจาะท้องเข้าไปตรงสะดือของคุณสุกัญญา ก็มองเห็นภายในช่องท้องด้านขวาล่างของคนไข้ มีพังผืดเช่นนั้นจริงๆ แต่มีไม่มากนัก..ทำให้ข้าพเจ้าใช้Trocar ขนาด 5 มิลลิเมตร เจาะช่องท้องด้านขวาล่างอย่างสะดวกและได้ตำแหน่งที่ต้องการ หลังจากนั้น ข้าพเจ้าก็ออกคำสั่งว่า ‘เอาเตียงผ่าตัดขึ้น และเอาด้านหัวคนไข้ลงต่ำครับ’ จากนั้น ก็ให้แพทย์ทางด้านล่าง ที่นั่งอยู่ระหว่างขาคนไข้.. ช่วยกระดกมดลูกขึ้น..

ภาพที่เห็น..คือ มดลูกมีขนาดใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย ขนาดประมาณอายุครรภ์ 8 ถึง 10 สัปดาห์ ..แต่ที่สำคัญคือ ด้านหน้าบริเวณ lower segment ของมดลูก..มีพังผืดอัดแน่น กล่าวคือ ส่วนของกระเพาะปัสสาวะของคนไข้ยื่นเลยขึ้นมาเกาะ บนพื้นผิวมดลูกส่วนล่าง มากกว่าปกติ..ตรงนี้สิ ..น่ากลัว..โดยเฉพาะสำหรับคุณหมอมือใหม่ที่เพิ่งผ่าตัดผ่านกล้อง..ถือว่า มีความเสี่ยงและอันตรายมาก..

อะไร? ที่หมายถึงความเสี่ยงและอันตราย?? อันตรายที่ว่านั้น คือ การบาดเจ็บหรือฉีกขาดของกระเพาะปัสสาวะ (Bladder injuries) ของคุณสุกัญญา…ทำไมจึงเกิดการบาดเจ็บหรือฉีกขาดของกระเพาะปัสสาวะได้?? ทั้งนี้ เพราะ คุณสุกัญญา ต้องเคยตั้งครรภ์คลอดลูกโดยการผ่าตัดคลอดมาก่อนอย่างแน่นอน การผ่าตัดคลอดบุตรบริเวณส่วนล่างของมดลูกนั้น เราจะผ่าเปิดและเย็บปิดแผลส่วนล่างของมดลูก (Lower uterine segment) โดยกรีดมีดลงในแนวขวางของมดลูกส่วนล่าง (low transverse incision)

 เมื่อทำคลอดทารกน้อยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เย็บปิดบริเวณตรงนี้เอง โดยจะเย็บเอา Peritoneum หรือเยื่อบุลำไส้ ที่คลุมกระเพาะปัสสาวะ ไปปิดแผลที่เย็บบนเนื้อมดลูก ..ทำให้เกิดการดึงรั้งเอากระเพาะปัสสาวะไปคลุมไว้ที่มดลูกส่วนล่าง..ดังนั้น ในการผ่าตัดผ่านกล้องต่อมา พอเราใช้เครื่องมือกรีดมดลูกส่วนล่างทางด้านหน้า ก็จะทะลุเข้ากระเพาะปัสสาวะพอดี..วิธีการแก้ไขจริงๆ  ก็ไม่ยาก สำหรับคุณหมอที่มีประสบการณ์ ซึ่งจะได้กล่าวต่อไป

ในสถานการณ์เช่นนี้ ข้าพเจ้าตัดสินใจเลือกที่จะตัด เส้นเอ็น ที่ชื่อ Round ligaments  ทั้งสองข้างให้ขาดจากกันเสียก่อน โดยเลือกตัดเส้นเอ็นให้ห่างจากขั้วมดลูก (Uterine corneal part) ประมาณ 2 เซนติเมตร  จากนั้น ก็เลาะตัดแหวกเนื้อเยื่อตรงนั้น ให้เห็นพื้นล่างที่ต่ำลงไปจนทะลุไปที่ช่องว่างด้านหลัง จนเห็นลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ที่ซ่อนอยู่ทางด้านล่าง…..จากนั้น ข้าพเจ้าก็เลือกตัด เส้นเอน้น็็นที่ชื่อ Ovarian ligament proper พร้อมกับตัดเอาท่อนำไข่ออกทั้งสองข้างด้วย คราวนี้ มาถึงจุดสำคัญของการผ่าตัด คือ การใช้เครื่องจี้ไฟฟ้า ตัดด้านล่างและด้านหลังของตัวมดลูกเหนือต่อเอ็น Utero – sacral ligaments เล็กน้อยในแนวขนาน (Horizontal) จนทะลุเข้าช่องคลอด ซึ่งในตอนนี้เอง ข้าพเจ้าจะเห็นขอบของท่อวงแหวนเครื่องมือสีน้ำเงิน..ซึ่งถือเป็น landmark สำคัญของช่องคลอด..  ต่อจากนั้น ข้าพเจ้ายังคงจี้ตัดส่วนของมดลูกส่วนล่างทางด้านหลัง (Posterior aspect of lower uterine segment) ทะลุเข้าช่องคลอดย้อนขึ้นไปเรื่อยๆ จนเลยมาถึง..บริเวณด้านข้างของมดลูก (Lateral aspect)..ซึ่งมีเส้นเลือดใหญ่ ชื่อ Uterine Arteries ซ่อนตัวอยู่…

ข้าพเจ้าใช้เครื่องจี้ไฟฟ้าชนิดที่เป็นตัวปิดเส้นเลือดด้วยความร้อน (Seal uterine vessels) ชื่อว่า  Ligature  จี้ตัดเส้นเลือดใหญ่ (Uterine arteries) ทางด้านข้างของคอมดลูก (Lateral aspect of lower uterine segment) ทั้งสองข้าง

ช่วงสำคัญที่สุดของการผ่าตัดผ่านกล้องของคุณสุกัญญา คือ การจี้ ตัด เลาะ เอาส่วนของกระเพาะปัสสาวะที่ปกคลุมทางด้านหน้า ออกจากมดลูกส่วนล่าง (Lower uterine segment) ข้าพเจ้าเริ่มต้นด้วยการผ่าตัดจากด้านข้างก่อนทั้งสองด้านดังที่กล่าวมา โดยค่อยๆจี้ตัดเลาะย้อนขึ้นไปทางข้างบน (นับจากรอยต่อของแผลผ่าตัดที่เปิดครั้งแรกด้านหลังของมดลูกส่วนล่าง).. ซึ่งมีกระเพาะปัสสาวะย้อยมาจากด้านหน้า คร่อมปกคลุมมดลูกส่วนล่าง..จากนั้น ก็ค่อยๆเลาะ จี้ ตัด..Peritonium   ตรงกลางๆ (Middle part) หรือเยื่อบุลำไส้ส่วนที่ยึดกับผิวด้านหน้าของมดลูกส่วนล่าง.. ตรงริมขอบที่ติดกันพอดี..โดยค่อยๆกรีดจี้เจาะเนื้อเยื่อ พร้อมกับให้แพทย์ที่กระดกมดลูก ช่วยดันเครื่องมือจากด้านล่าง ให้มดลูกลอยขึ้นสูง.. ซึ่งจะมีผลช่วยให้การกรีดเจาะ ..ไม่ทะลุเข้าไปในกระเพาปัสสาวะ..

เมื่อข้าพเจ้าเลาะเอา Peritonium ส่วนที่ปกคลุมด้านหน้าของมดลูกส่วนล่างได้แล้ว ก็ใช้จี้ไฟฟ้า จี้ตัดเนื้อบริเวณส่วนคอมดลูกจนทะลุเข้าไปในช่องคลอด (Anterior fornix) ..การจี้ตัดเนื้อมดลูกส่วนล่างครั้งนี้ แตกต่างจากครั้งก่อนๆ เพราะข้าพเจ้าจี้ตัดในช่วงท้ายๆของการผ่าตัด (last operation)  ภายหลังจากเลาะทางด้านข้างของมดลูก จนเปลือยเปล่า..และเห็นแนวทอดตัวของกระเพาะปัสสาวะที่ปกคลุมมดลูก จากนั้น จึงทำการกรีดจี้ไฟฟ้าไปโดยรอบพร้อมกับดันตัวกระดกมดลูก..

จริงๆแล้ว!! ก่อนหน้านั้น ตอนที่จี้ตัดเนื้อเยื่อบริเวณด้านข้าง..อันประกอบด้วยรังไข่และท่อนำไข่ ซึ่งเรียกรวมๆว่า ‘Adnexa’  ข้าพเจ้าได้เลาะตัดเอาท่อนำไข่ออกไปด้วยทั้งสองข้าง ดังนั้น พอเลาะตัดจนทะลุเข้าช่องคลอดโดยรอบ..เรียบร้อยแล้ว.. เนื้องอกมดลูกก็หลุดลอยเป็นอิสระทันที..

การผ่าเลาะตัดเอาชิ้นเนื้องอกมดลูกออกจากช่องคลอดของคุณสุกัญญานั้น (Removal of  uterine myoma by cutting to small pieces from vagina ).. ไม่ยากเลย วิธีการ คือ เราเอาเครื่องมือที่สอดจากช่องคลอดออก (ตัวกระดกมดลูกพร้อมท่องวงแหวนสีน้ำเงิน) จากนั้น ก็ตัดเนื้องงอกมดลูกเป็นชิ้นเล็กๆ โดยเริ่มจาก ปากมดลูก และตัดดึงเนื้องอกลงมาเรื่อยๆ ..เนื่องจากช่องคลอดของคนไข้รายนี้ กว้างพอสมควร ..เนื้องอกมดลูกทั้งหมด จึงหลุดออกมา โดยไม่ต้องเลาะตัดเนื้องอกทิ้งที่ละชิ้นๆ ..เหมือนที่เคยกระทำมาในคนไข้รายอื่น

วิธีการเย็บปิดช่องคลอดจากการผ่าตัดผ่านกล้องนั้น กระทำได้ 2 วิธี วิธีการแรก คือ เย็บจากด้านบน คือ เย็บปิดช่องคลอดจากในช่องท้อง โดยใช้ตัวจับ (Needle Holder) ที่ยาว เหมือนตะเกียบ และมีตัวประคองเป็นแขนยาวๆ (Grasping forceps) เช่นกัน โดยมีแพทย์ผู้ช่วย ร่วมถือตัวประคอง (Grasping forceps) ช่วยด้วยเช่นกัน.. วิธีการเย็บแบบนี้ ต้องใช้ความสามารถที่ฝึกฝนมานานพอสมควร ส่วนอีกวิธีหนึ่ง คือ การเย็บแผลส่วนปลายช่องคลอด (Vaginal Apex) ผ่านทางช่องคลอด (Transvaginal suturing)  วิธีการนี้ ง่ายกว่า และเหมาะที่จะใช้ในกรณีที่..แผลภายในตรงยอดช่องคลอด มีพังผืด หรือเย็บยากจากด้านบน สรุปง่ายๆ คือ ถ้าไม่แน่ใจว่าจะเย็บจากข้างบนได้หรือไม่ได้ หรือกลัวว่าจะมีปัญหา..ให้เย็บผ่านทางช่องคลอด (Transvaginal suturing)   เท่านั้น กรณีของคุณสุกัญญาก็เช่นกัน..ข้าพเจ้าได้เย็บผ่านทางช่องคลอด..ซึ่งขอให้พยาบาลช่วยเหลือในการเย็บ (Assisted) ก็เพียงพอ..ส่วนแพทย์ผู้ช่วย ข้าพเจ้าบอกให้คุณหมอไปตรวจคนไข้ที่รออยู่ ได้เลย..คนไข้รายนี้ ได้รับการผ่าตัดอย่างเรียบร้อย โดยไม่มีปัญหาใดๆ เธอพักอยู่โรงพยาบาลเป็นเวลา 3 วัน ก็ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้..

คนขับรถแทกซี่ทุกคน ล้วนถือว่า เป็นคนที่ได้เรียนรู้ตลอดเวลาจากมหาวิทยาลัยแห่งชีวิต เพราะพวกเขาได้ยินและสนทนาเรื่องราวกับผู้โดยสารทั้งวันทั้งคืน จึงมีข้อมูลข่าวสารมากมาย ถ้ารู้จักวิเคราะห์ ก็จะคาดการณ์ล่วงหน้าถึงเหตุการณ์บ้านเมืองได้อย่างแม่นยำ..คนขับรายนี้พูดต่อว่า ‘ในระหว่างนี้ สายตาของคนต่างประเทศถือว่า ประเทศไทยไม่ใช่ประชาธิปไตย หลายประเทศจึงห้ามติดต่อซื้อขายหุ้นกับไทย ทำให้เงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์หายไป ส่งผลให้สภาพคล่องภายในประเทศลดลง..คนไทยจนลงเพราะไม่มีเงินสดหมุนเวียนอยู่ในมือ และคนจนกำลังจะตายในยุคกระแสทุนนิยม โดยเฉพาะคนที่ปรับตัวไม่ทัน’..

ขณะที่กำลังสนทนาสนุก..รถแทกซี่ก็หยุดจอด ที่หน้าบ้านของข้าพเจ้า….ข้าพเจ้าลงจากรถแทกซี่คันนั้น พร้องกับจ่ายเงิน บวกค่าทิปอีกเล็กน้อย ..ข้าพเจ้าบอกไม่ถูกว่า คนขับรถแทกซี่คันนี้ เป็นนักปรัชญาหรือเปล่า..แต่ที่แน่ๆ..เขายังคงเป็นคนหาเช้ากินค่ำอยู่เหมือนเดิม…เพราะไม่กล้าที่จะปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต..

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

พ.ต.อ. นพ. เสรี  ธีรพงษ์  ผู้เขียน

30 มิถุนายน 2563

โสเภณีที่รัก

 วันนี้ มีสตรีสาวสวยทำงานออฟฟิศแห่งหนึ่ง  ขอให้ข้าพเจ้าค้ำประกันการซื้อรถใหม่ให้เธอ ในวงเงิน 8 แสนบาท  ข้าพเจ้าได้ปฏิเสธ  เพราะคิดว่าเธอคงแบกรับภาวะหนี้ที่จะก่อครั้งนี้ไม่ไหว คนที่มีรายได้เพียงเดือนละ 15,000 บาท  ไหนเลยจะผ่อนค่ารถเดือนละ 1 หมื่นบาทได้

"รับรองว่า  ดิฉันจะไม่ทำให้คุณหมอเดือดร้อนแน่นอน"  สาวสวยคนดังกล่าวรับประกันด้วยคำพูดอย่างแข็งขัน  เธอไม่รู้หรอกว่า คำรับรองเช่นนี้  ข้าพเจ้าเคยได้ยินครั้งแล้วครั้งเล่ายามต้องการให้เราค้ำประกัน  แต่หลังจากนั้น คำพูดเหล่านี้ ก็เป็นเพียงลมปากที่หาค่าอันใดไม่

 ข้าพเจ้าถามเธอว่า "รถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นมากนักหรือ"

           สาวคนสวยก้มหน้าแทนคำตอบและพลางเขียนอะไรสักอย่างบนโต๊ะทำงาน ข้าพเจ้าพูดถามอะไรไป  เธอก็ตอบคำถามแบบแกน ๆ เธอคงแค้นใจที่ข้าพเจ้าปฏิเสธคำขอร้อง

 ความจริงข้าพเจ้าหวังดีต่อเธอ เพราะค่าใช้จ่ายสำหรับรถยนต์ไม่ใช่มีเฉพาะค่าผ่อนรถ ค่าใช้จ่ายมีจิปาถะนับตั้งแต่น้ำมัน  ค่าตรวจสภาพรถ  ค่าอะไหล่  และอื่น ๆ อีกมากมาย  ซึ่งเธอจะต้องประสบปัญหาในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน

             สตรีสาวสวยจำนวนมากเป็นอย่างนี้ อยากได้ ในสิ่งที่มือเอื้อมไม่ถึง อยากมี ในสิ่งที่สูงค่าและอยากเป็น ดาวค้างฟ้าที่ส่องแสงเจิดจ้าในหมู่ผู้คนบนท้องถนน ความอยากได้อยากเป็นและอยากมีนี่เอง  ทำให้หลายคนพลัดหลงไปในถนนสายโลกีย์

 ข้าพเจ้าและเพื่อนหลายคนเคยเข้าไปในสถาน อาบ อบ นวด ตามคำชวนเชิญของคนไข้รายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้จัดการที่นั่น

            ผู้จัดการคนนี้เล่าว่า "กิจการ อาบ อบ นวด ที่นี่เพิ่งเปิดกิจการมาได้ 4 ปี  ลงทุนไป 400 ล้าน  ในยุคที่เศรษฐกิจใกล้จะล้มละลาย 2-3 ปีที่ผ่านมา  ที่นี่ ยังมีกำไรดีพอสมควรประมาณเดือนละ 4-5 ล้าน  ตอนที่เริ่มเปิดกิจการใหม่ ๆ เศรษฐกิจยังเฟื่องฟู มีกำไรถึงเดือนละ 20 ล้าน"

             สถานที่แห่งนี้ มีอาณาเขตประมาณ 5 ไร่  เป็นอาคารใหญ่ทันสมัยสูง 8 ชั้น ชั้นล่างมีห้องอาหารชั้นดี  อาหารเลิศรส  และบรรยากาศแห่งความบันเทิงอย่างเต็มเปี่ยมส่วนที่เป็นจุดเด่นสะดุดตาเห็นจะเป็น ห้องตู้กระจกขนาดใหญ่ที่ตกแต่งไว้อย่างงดงาม ภายใน มีสาวสวยนุ่งน้อย  ห่มน้อยจำนวนมากนั่งอยู่

             พวกเราเดินผ่านห้องอาหารห้องโถงชั้นล่างและขึ้นลิฟท์ไปชั้นที่ 8  ซึ่งมีห้อง วี.ไอ.พี. เต็มไปหมด  มองดูแล้ว  คล้ายกับห้องพักในโรงแรม ระดับ 5 ดาวทีเดียว  ผู้จัดการคนดังกล่าวพาพวกเราไปยังห้องรับรอง  ที่จุคนได้ประมาณ 20 คน

            ภายในห้องรับรอง  ประดับประดาตกแต่งอย่างดี  มีโต๊ะอาหารยาวใหญ่ตัวหนึ่งอยู่ตรงกลาง สำหรับแขกนั่งรับประทานอาหาร โต๊ะตัวนี้นั่งได้ประมาณ 15 คน  ด้านข้างของห้องมีเก้าอี้โซฟา 2 ตัว วางอยู่ชิดติดผนังห้อง 2 ด้าน ในรูปตัว L ด้านหน้าและด้านหลังห้อง มีโทรทัศน์คาราโอเกะตั้งอยู่  ทุกสิ่งที่นี่มีพร้อมสำหรับผู้มาหาความบันเทิงยามค่ำคืนจริง ๆ

            จากนั้นไม่นาน มีสตรีสาวสวย 3 คน  มานั่งที่โซฟา คอยพูดจาเป็นเพื่อนคุยและร้องเพลงคาราโอเกะ พวกเราบางคนเชิญเธอเหล่านั้นไปสนทนาตามลำพังยังห้องว่างถัดไป ส่วนคนที่เหลือ ก็พูดคุยกันเอง และร้องเพลงคาราโอเกะอย่างสนุกสนาน  ผู้จัดการเล่าว่า

             "ผู้หญิงที่นี่ หน้าตาดี มารยาทเรียบร้อย สุภาพ ทุกคนมาทำงานด้วยความสมัครใจไม่มีใครถูกบังคับ  แถมหากใครไม่ปฏิบัติตามกฎของที่นี่จะถูกเชิญออก และห้ามเข้ามาหากินอีกต่อไป  อย่าคิดว่าเธอเหล่านี้ไม่มีเงินน่ะ  เกือบทุกคนมีรถยนต์ส่วนตัว บางคนมีรถเบนซ์ บางคนมีรถบีเอ็ม ราคามีตั้งแต่คันละหลายแสนจนถึงหลายล้านบาท  ผู้หญิงสวยระดับดารา ไม่ต้องอยู่ในตู้กระจก  เพราะมีคนโทรจองตัวทุกคืน เฉพาะค่าทิปคนเชียร์แขกประมาณ 3,000 บาท  แล้วค่าตัวของเธอจะเป็นเท่าไรก็คิดดูเอาเอง  ค่าชั่วโมงที่แขกจะต้องจ่ายให้กับสถานที่ก็เพียงชั่วโมงละ 300 บาท นอกนั้นเป็นค่าห้อง ค่าอาหาร เครื่องดื่ม ตามความเป็นจริง  ราคาอาหารพอ ๆ กับภัตตาคารหรู  ทั่ว ๆ ไป"

              สำหรับแขกหรือบุคคลทั่วไปที่คิดจะมาเที่ยวหาความสำราญ ณ สถานที่นี้ จำเป็นต้องพกเงินมามากพอสมควร  มิฉะนั้น อาจต้องเสียหน้าเที่ยวกู้หนี้ยืมสินคนอื่นมาชดใช้ค่าความบันเทิง หลายคนคิดว่า จะพบภาพของบรรดานักเลง อันธพาลในสถานที่แบบนี้  ข้าพเจ้าบอกได้เลยว่า   "ไม่มี" แขกและบริการทุกคนที่เดินไปมาล้วนสวมใส่เสื้อผ้ารองเท้าอย่างดี มีกิริยาสุภาพ

 ข้าพเจ้าไม่ได้สอบถามถึงการตรวจร่างกายและการตรวจเลือดประจำเดือน ของพวกบรรดาสาวสวยในตู้กระจก  แต่เป็นที่รู้กันว่า  ที่นี่เคร่งครัดมาก  สตรีสาวสวยคนใดตรวจพบมีเลือดบวกอย่างใดอย่างหนึ่ง ถือว่า เธอหมดอนาคตสำหรับที่นี่...

            ที่ข้าพเจ้ากล่าวมา  เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสตรีที่อยากมีในสิ่งของสูงค่า เช่น บ้านหรู รถยนต์โออ่า  และอยากได้มาครอบครองโดยที่ไม่ต้องทำงานหนักมาก

            การทำงานหนัก  ไม่ได้หมายความว่า  ต้องได้รับค่าตอบแทนมากเสมอไป  สตรีสาวสวยที่ขอให้ข้าพเจ้าค้ำประกัน ทำงานวันละ 9 ชั่วโมง มีรายได้เพียงหมื่นกว่าบาท  เฉพาะค่าเสื้อผ้า ค่าเครื่องสำอาง และค่ากินอยู่ในแต่ละเดือน คงทำให้มีเงินเหลือเก็บอยู่ไม่มากนัก

 ยังมีสตรีอีกประเภทหนึ่งก้าวเข้ามาในถนนสายโลกีย์ด้วย ความจำเป็น ความจำเป็นในที่นี้คือ ไม่มีอาชีพ และไม่มีโอกาส แต่ขณะเดียวกันจำเป็นต้องใช้เงินในการดำรงชีวิตประจำวัน

             8 นาฬิกาของเช้าวันนี้ มีคนไข้สตรีวัยรุ่นอายุ 17 ปี มาที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลด้วยเรื่องปวดท้องน้อยด้านขวา ปวดอย่างมาก ปวดตลอดเวลา อาชีพของเธอ คือ เด็กบาร์ มีหน้าที่คอยนั่งเป็นเพื่อนคุยกับแขก เกือบทุกคืนเธอจะมีเพศสัมพันธ์กับแขกที่มาเที่ยว เด็กสาวเหล่านี้ไม่มีความรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์  เธอรู้แต่เพียงว่า ถ้าไม่ทำ ก็ไม่มีรายได้เพียงพอที่จะจุนเจือครอบครัวและตัวเองค่าตอบแทนที่ได้รับนั้นน้อยมาก เมื่อเทียบกับความเสี่ยงต่อกามโรคและโรคเอดส์

             ศัลยแพทย์ พอทราบว่า เป็นเด็กบาร์ และเคยมานอนโรงพยาบาลด้วยเรื่องโรคติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน (ACUTE PELVIC INFLAMMATORY DISEASE) ครั้งหนึ่งก็ขอให้ทางสูติแพทย์เป็นฝ่ายรับผิดชอบ

              โดยปกติ โรคติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน (ACUTE PELVIC INFLAMMATORY DISEASE) เป็นโรคที่รักษาโดยยา (MEDICAL TREATMENT) ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ยกเว้นมีข้อบ่งชี้ คือ ปีกมดลูกและรังไข่  กลายเป็นถุงหนองขนาดใหญ่ (TUBO-OVARIAN ABSCESS) ซึ่งการรักษาทางยาไม่ได้ผล  คนไข้จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเอามดลูก ปีกมดลูก และรังไข่ออกทั้งหมด ซึ่งสตรีผู้นั้นจะไม่มีโอกาสเป็น "แม่" ได้อีกตลอดชีวิต

             ใครลองหลับตาจินตนาการว่า สาววัยรุ่นอายุ 20 ปีเศษ ซึ่งไม่มีมดลูกและรังไข่ ต่อไป เธอจะมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร  พูดถึงอาชีพเดิมที่ทำอยู่ คงต้องหยุดอยู่แค่นั้น ส่วนการกลับไปมีครอบครัว คงเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก

              สิ่งที่สำคัญ คือ โรคเอดส์ (AIDS) ซึ่งแพร่กระจายทางเพศสัมพันธ์ สาววัยรุ่นเหล่านี้ บางคนทำงานหาเงินยังไม่ถึงปี ก็ต้องประสบโชคร้าย ติดเชื้อเอดส์ จากผู้ชายที่ชอบเที่ยวกลางคืน ไม่ต้องบอกใคร ๆ ก็รู้ว่า เธอจะต้องออกจากงานประจำ บางคนร่อแร่ แพร่กระจายเชื้อเอดส์ไปด้วยความแค้นใจ  บางคนขายตัวต่อไปเพื่อต้องการนำเงินมารักษาชีวิตส่วนที่เหลืออยู่

 สำหรับคนไข้สตรีวัยรุ่นรายนี้มีอาการปวดท้องน้อยด้านขวาอย่างมาก แต่จากการที่มีของเหลวคล้ายหนองภายในช่องคลอด ทำให้ต้องวินิจฉัยเบื้องต้นเป็นโรคติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน

 อย่างไรก็ตาม โรคหนึ่งที่ต้องนึกถึงด้วยสำหรับคนไข้ที่ปวดท้องน้อยด้านขวา คือ ไส้ติ่งอักเสบ  ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงจำเป็นต้องเจาะท้องส่องกล้อง (DIAGNOSTIC LAPAROSCOPE) ในเวลาต่อมาเนื่องจากหากเป็นไส้ติ่งอักเสบ (APPENDICTIS) แล้วไม่ได้รับการผ่าตัดภายใน 24 ชั่วโมง จะเกิดภาวะแทรกซ้อน เกิดภาวะไส้ติ่งกลายเป็นถุงหนอง (APPENDICIAL ABSCESS) ซึ่งรุนแรงมาก  และต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

                การเจาะท้องส่องกล้อง (DIAGNOSTIC LAPAROSCOPE) เป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้กับคนไข้สตรี  ซึ่งปวดท้องอย่างมาก เพื่อต้องการแยกโรคที่จำเป็นต้องผ่าตัดรักษา อาทิเช่น ไส้ติ่งอักเสบ ท้องนอกมดลูก ออกจากโรคที่รักษาด้วยยาก็ได้ผล เช่น  โรคติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน  เป็นต้น

                สำหรับคนไข้สตรีรายนี้ จากพยาธิสภาพที่ปรากฏ เราวินิจฉัยได้ว่า เธอเป็นเพียงโรคติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน (ACUTE PELVIC INFLAMMATORY DISEASE) อย่างเดียว แม้ว่าไส้ติ่ง (APPENDIX) ของเธอจะมีขนาดใหญ่ และยาว และไม่มีลักษณะอักเสบชัดเจน

 ศัลยแพทย์ได้เข้ามาในห้องผ่าตัดช่วยดู และให้เหตุผลว่า ไส้ติ่งสภาพแบบนี้ไม่น่ามีปัญหา คนไข้ควรได้รับการรักษาทางยาเป็นเวลา 3-4 วัน จากนั้นค่อยให้ยาไปรับประทานเองที่บ้าน  หากเธอกลับไปทำงานให้บริการทางเพศต่อ  ก็คงต้องกลับมาเช่นนี้อีก  ไม่แน่คราวต่อไปเธออาจเป็นไส้ติ่งอักเสบ (APPENDICITIS)  ที่ไม่มีใครสนใจจนกระทั่งไส้ติ่งกลายเป็นถุงหนองขนาดใหญ่ (ABSCESS) และแตกออกมา (RUPTURE)

                 สตรีที่ขายบริการทางเพศ หรือที่เรียกกันติดปากว่า โสเภณี นั้น มีหลายระดับ มีทั้งที่เปิดเผย อย่างเช่น พวกที่นั่งในตู้กระจก  และที่ไม่เปิดเผย ดังเช่น สาวออฟฟิศ  นักศึกษา  ทุกคนเริ่มต้นเพราะความจำเป็นทางด้านการเงิน   แต่เหตุผลต่างกัน  บางคนยากจน  บางคนไม่ยากจน แต่ออยากได้และอยากมีสิ่งของสูงค่าราคาแพงที่มือเอื้อมไปไม่ถึง  อย่างไรก็ตาม โสเภณี ทุกคน ย่อมเสี่ยงอย่างมากต่อโรคติดเชื้อทางกรรมพันธุ์  รวมทั้งโรคเอดส์ ซึ่งไม่คุ้มค่ากับความอยากได้อยากมี

                    ไม่มีใครช่วยเหลือโสเภณีเหล่านี้ได้  นอกเสียจากการให้โอกาสของสังคม การให้ความรู้  และการยอมรับโดยการลงทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย

 ข้าพเจ้าอยากให้มี "องค์กรเพื่อสิทธิโสเภณี" ที่ตั้งขึ้นมาอย่างเปิดเผยและเป็นที่รู้จักทั่วประเทศคอยช่วยเหลือโสเภณีทุกคนโดยปราศจากเงื่อนไข เช่น จัดหางานให้ฝึกหัดอาชีพใหม่ ดูแลเรื่องสุขภาพ  เป็นต้น

                     ข้าพเจ้าเชื่อว่า โดยธรรมชาติของสตรี  ไม่มีใครอยากเป็นโสเภณี  ดังนั้น เราทุกคนควรให้โอกาสเธอ  ถ้าไม่มีใครให้โอกาส ก็ยากที่บรรดาโสเภณีจะหลุดพ้นจากโชคร้ายต่าง ๆ อย่าไปหลงเชื่อตามภาพยนตร์อย่างเด็ดขาดว่า สักวันหนึ่งจะมีพระเอกเศรษฐีหนุ่มหล่อที่มาเที่ยวยามราตรีและขอเธอแต่งงาน โดยเปลี่ยนนามขนานจาก "ดอกไม้ริมทาง" เป็น "ที่รัก"

 โลกนี้อาจไม่ยุติธรรมสำหรับเธอ แต่เกิดเป็นคน คงต้องดิ้นรนต่อไป คงมีสักวันที่เธอจะพบเส้นทางชีวิตใหม่ที่สวยสดใส ขอให้โชคดี ...โสเภณีที่รัก...

พ.ต.อ. นพ. เสรี ธีรพงษ์  ผู้เขียน

03 ธันวาคม 2559

เดินทางไปต่างประเทศ

เรียนท่านผู้อ่านที่เคารพรัก

วันที่ 7 มีนาคม 2553 ข้าพเจ้าจะออกเดินทางไประเทศอินเดีย โดยมีกำหนดในเบื้องต้น 4 วัน คือจะกลับในวันที่ 10 มีนาคม ดังนั้น ระหว่างนี้ คงไม่สามารถตอบปัญหาไ้ด้ แต่ที่ประเทศอินเดีย ข้าพเจ้าสามารถเข้าอินเตอร์เน็ตได้ ก็จะตอบปัญหาต่างๆตามปกติ อนึ่ง ช่วงนี มีพวก spam เข้ามารบกวนอยู่มากมายจนไม่ทราบว่า มีใครเขียนคำถามเข้ามาบ้าง เอาไว้ผมกลับจากอินเดีย ก็จะให้Programmer เขียนโปรแกรมลบและทำลายบรรดาตัวspamที่เข้ามารบกวน

สุดท้ายนี้ ขอให้ผู้อ่านทุกท่านมีความสุขมากๆ ขอให้โชคดี
หมอเสรี



สวัสดีปีใหม่ อีกครั้ง

ต้องขอประทานโทษท่านผู้อ่านทุกท่านทีช่วงนี้ เข้าอินเตอร์เน็ต น้อยไปหน่อย เนื่องด้วยงานยุ่งมาก แต่ก็มีเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับคนไข้ผ่านเข้ามาในชีวิตมากมาย มีทั้งที่ตื่นเต้น จนน่ากลัวและน่าสนใจ อย่างเช่น เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ก็ได้พบคนไข้Endometriosis 1 ราย ทีมีChocolate cyst และมีเยื่อบุมดลูกเต็มไปหมดที่บริเวณต่ำสุดของอุ้งเชิงกราน(Culdesac) แม้จะจี้ด้วย Argon ก็คงยากที่จะหาย ผู้ป่วยคงต้องรีบมีบุตร เพื่ออาศัยฮอร์โมนจากรกไปทำลายเยื่อบุมดลูกส่วนที่เหลือ อีกรายเป็นเนื้องอกมดลูกก้อนใหญ่มาก พอสมควร การผ่าตัดผ่านกล้องเต็มไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากการประสานกับผู้ช่วย ยังไม่ดีพอ ต้องผ่าตัดทางด้านบนและทางช่องคลอดสลับกัน กินเวลานานถึง 4-5 ชั่วโมง นอกจากนั้นยังมีปัญหาอื่นอีก

ข้าพเจ้าคงมีโอกาสเล่าให้ฟังในภายภาคหน้า ขอให้ทุกท่านโชคดี มีความสุข
หมอเสรี








สวัสดีปีใหม่ พ.ศ. 2553

สวัสดีปีใหม่ แด่ เพื่อนผู้อ่านทุกท่าน ในปี พ.ศ. 2553 นี้ ขอให้ทุกๆท่น ที่มีโอกาสผ่านเข้ามาใน Website นี้ มีความสุขสมหวังดังตั้งใจ มีสุขภาพที่ดี มีความสำเร็จในหน้าที่การงาน และความรัก

เนื่องด้วยปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าอาจตอบข้อข้องใจช้าไปบ้าง ลงเรื่องราวน้อยไปหน่อย และไม่ค่อยได้เขียนDiary ข้าพเจ้าต้องขอประทานโทษ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ข้าพเจ้าจะพยายามเขียนDiary ทุกวัน เพื่อให้ข้อมูล Update หรือการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น อาทิ ข้าพเจ้าได้เรียนเชิญ อาจารย์แพทย์อีกหลายท่าน พยาบาลผู้มากประสบการณ์ หรือผู้รู้ต่างๆมาช่วยตอบคำถาม เขียนเรื่องราวน่ารู้ โดยจะออกแบบ เพิ่มเติมในห้องต่างๆ (ในช่วงแรกๆ ท่านอาจารย์เหล่านี้ อาจเพียงร่วมตอบคำถามไปก่อน คงต้องรอให้Programmerเขียนprogram ซึ่งต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง)

เรื่องราวทางการแพทย์นั้นมีมากมาย และเกิดปัญหาขึ้นทุกวัน ข้าพเจ้าจะพยายามเขียน และตอบปัญหา ทั้งภาพรวม/ส่วนตัว อย่างเต็มควมสามารถ

สุดท้ายนี้ ขอให้เ่พื่อนผู้อ่านมีความสุข และแก้ปัญหาต่างๆได้อย่างดี รวมทั้งมีสุขภาพที่แข็งแรง
หมอเสรี



กินยาละลายลิ่มเลือดก่อนผ่าตัด

วันนี้ ข้าพเจ้าผ่าตัดให้กับคนไข้รายหนึ่ง ชื่อ คุณเล็ก ซึ่งเป็นกระบังลม (ช่องคลอดหย่อน)หย่อนจนมดลูกหลุดออกมาจากช่องคลอด คนไข้อายุ 66 ปี ความจริง!! คนไข้รายนี้ กำลังจะเข้ารับการผ่าตัดเมื่อ วันศุกร์ที่ผ่านมา เผอิญ!! วันพฤหัส พยาบาลที่หอผู้ป่วย ซักถามคนไข้ ได้ความว่า เธอรับประทานยาละลายลิ่มเลือดตัวหนึ่ง ชื่อ Cardipin เพราะเป็นความดันโลหิตสูง ยาตัวนี้มี Aspirin เป็นส่วนประกอบ โชคดีที่มีการซักประวัติก่อน มิฉะนั้น หากผ่าตัดไปในวันศุกร์ คนไข้มีหวังได้รับอันตรายจากภาวะเลือดไหลออกไม่หยุด

ข้าพเจ้าได้โทรศัพท์ถามอายุรแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหัวใจและหลอดเลือด คุณหมอบอกว่า จำเป็นต้องหยุดยาก่อน 5 วัน จึงจะผ่าตัดได้ โดยไม่มีเลือดไหลผิดปกติหลังผ่าตัด วันนี้ (วันอังคาร) ข้าพเจ้าจึงผ่าตัดเอามดลูกของคุณเล็กออกทางช่องคลอดและตกแต่งช่องคลอดไปด้วย (Vaginal Hysterectomy) ใช้เวลาผ่าตัดไม่นานนักประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ โดยใช้อุปกรณ์พิเศษ สังเกตว่า เลือดหยุดได้ดี ข้อผิดพลาดเช่นนี้เกิดขึ้นง่ายมาก เพราะคนไข้รักษาโรคความดันโลหิตสูง แต่กลับรับประทานยาละลายลิ่มเลือด

สัปดาห์ก่อน ข้าพเจ้าก็ผ่าตัดเอามดลูกและรังไข่ออกทางหน้าท้องให้กับคนไข้ ชื่อ คุณประยงค์ อายุ 44 ปี ซึ่งเคยผ่าตัดทำbypass เส้นเลือดที่หัวใจ เมื่อปี พ.ศ. 2551 คนไข้มีประวัติเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงร่วมด้วย เธอก็กินยาละลายลิ่มเลือดเช่นกัน แต่คนละตัว กับคุณเล็ก คนไข้รายนี้ ก็หยุดยาก่อน 1 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัด ข้าพเจ้าได้ผ่าตัดอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็เสร็จ โดยใช้อุปกรณ์พิเศษเช่นกัน เพราะกลัวภาวะเลือดไหลผิดปกติหลังผ่าตัด...

หลังผ่าตัดเพียงวันเดียว พอคนไข้รับประทานได้ อายุรแพทย์ ก็ให้คุณประยงค์รับประทานยาเดิมทั้งหมด ข้าพเจ้ากลัวมากว่า คนไข้จะมีเลือดออกภายในช่องท้องอีก แต่ก็ไม่พบว่า เธอเป็นอะไร แต่ก็แปลก!! นี่ผ่านมา 7-8 วันแล้ว คนไข้ยังไม่ได้กลับบ้านเลย เพราะมีภาวะแทรกซ้อน คือ เมื่อวาน เธอเกิดมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจนช็อค (Hypoglycemia)พวกเราก็ปรึกษาอายุรแพทย์มารักษา จนเธอปลอดภัย

โชคดี ที่คนทั้งสองมีประกันสังคม ทั้งสองคนจึงแทบไม่เสียเงินเลย แต่..นี่คือตัวอย่างหนึ่งของคนไข้ที่กินยาละลายลิ่มเลือดก่อนผ่าตัด ซึ่งจำเป็นที่เราจะต้องปรึกษาอายุรแพทย์ เพื่อหยุดยาก่อนผ่าตัด ประมาณ 5-7วัน มิฉะนั้น เราอาจสูญเสียคนไข้เหล่านี้ก็ได้ เนื่องจากเลือดไหลออกไม่หยุดหลังผ่าตัด


กรุณาอย่าทำบาป โดยไม่ตั้งใจ


หลายวันก่อน ข้าพเจ้าได้ซื้อปลาหมอตัวเล็กประมาณ ร้อยกว่าตัวจากตลาดสวนหลวง ร. 9 และเอาไปปล่อยที่
วันลานบุญ แม่ค้า ได้จัดแบ่งปลาตัวเล็กๆเหล่านี้ออกเป็น 2 ถุงใหญ่ แต่ได้เอาเจ้า 2 ถุงใหญ่ใส่ในถุงหิ้วที่ใหญ่กว่าเพียง 1 ใบ ข้าพเจ้าได้นำถุงปลาใบนี้โดยสารรถแทกซี่กลับบ้าน เพื่อชักชวนภรรยาและลูกชายไปปล่อยด้วยกัน พอขับรถไปถึงวัดลานบุญ ข้าพเจ้าก็ให้ลูกและภรรยารีบลงจากรถเพื่อไปปล่อยปลาก่อน เพราะได้เสียเวลา(รวมจากสวนหลวง ร.9 จนถึงวัดลานบุญ)ประมาณ 40 นาที ทั้งสองคนไปยืนปล่อยที่หน้าศาลาน้ำ ส่วนข้าพเจ้าก็รีบไปจอดรถ และจะมาอนุโมทนาบุญภายหลัง ผลปรากฏว่า ถุงปลาน้อยของภรรยา ก็ปล่อยปลาเป็นไปได้ด้วยดี แต่ถุงอีกถุงหนึ่งที่ลูกชายถือ ปลาที่อยู่ข้างในกลับตายทั้งหมด จำนวน ประมาณ 50 กว่าตัว

ข้าพเจ้าและลูกชายรู้สึกเศร้าใจมาก เพราะไม่เพียงแต่ ไม่ได้บุญ ยังทำบาปแบบเต็มๆ โดยไม่ตั้งใจ พอสอบสาวราวเรื่อง ปรากฏว่า ที่ปลาตาย ก็เพราะปากถุงที่ปลาตายนั้น คลายออก เนื่องจากน้องคนขายผูกปากถุงไม่แน่น เมื่อนำ 2 ถุงมาอยู่ในถุงใหญ่ใบเดียวกัน ถุงใบที่ปากถุงแน่น ก็เบียดและทับอีกถุงจนแบน ปลาทั้งหมดในถุงแบนขาดอากาศหายใจ สิ้นชีวิตทันที แม้เราจะนำปลาใส่ถุงเดินทางมาเพียงแค่ ไม่ถึง 1 ชั่วโมง..จริงๆแล้ว ระหว่างเดินทางไปปล่อยปลา 

ข้าพเจ้าได้เล่าการทำบาปกรณีปล่อยปลาของเพื่อนคนหนึ่งให้ลูกชายฟังว่า เพื่อนผมคนหนึ่งหวังดี อยากทำบุญ จึงซื้อปลามามากมายใส่ถุง นำกลับบ้าน เพื่อจะไปปล่อยร่วมกับภรรยา ปรากฏว่า งานยุ่งมาก ตกเย็น เมื่อจะนำไปปล่อย ปรากฏว่า ปลาตายทั้งหมด ข้าพเจ้าบอกกับลูกว่า เวลาปล่อยสัตว์นั้น จงอย่าได้ประมาทเช่นนี้ พอไปถึงวัดกลับเป็นว่า ข้าพเจ้าเองเป็นผู้ทำบาปในทำนองเดียวกัน คนเรานั้น อย่าได้ไปว่าร้ายคนอื่นเลย ทำตัวเองให้ดีที่สุดเป็นพอ
วันนี้ ข้าพเจ้ากลับไปที่ร้านเดิม ที่ร้านแผงลอยแห่งนี้ มีคนซื้อปลาไปปล่อยน้อยมาก เหลือปลาใหญ้น้อย 2 ร้อยกว่าตัว เขาขอให้ข้าพเจ้าเหมาไปปล่อย ข้าพเจ้าก็ยินดี และต่อราคาเท่าที่มีเงินสดในกระเป๋า เหลือเพียงเงินค่าแทกซี่กลับบ้าน ก็พอ

ข้าพเจ้ากลัวจะเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย จึงบอกให้แม่ค้าระวังเรื่องนี้ แม่ค้าพูดว่า 'สำหรับหนู จะไม่เกิดเรื่องเช่นนั้นอย่างแน่นอน หนูใส่อากาศลงไปในถุงและผูกถุงแน่นหนา ปลาสามารถอยู่ได้ถึง 2 ชั่วโมง' คำพูดนี้ แสดงว่า แม่ค้าเหล่านี้ ทราบดีถึงเรื่องว่า ปลาจะอยู่ได้นานเท่าไหร่ในถุงและควรจะผูกปากถุงอย่างไร?? เพราะวันที่ข้าพเจ้ากลับไปต่อว่านั้น แม่ค้าก็ต่อว่า น้องสาวพวกเขาอีกทีว่า 'เป็นคนทำบาปทั้งหมด คนซื้อไ่ม่บาปหรอก เพราะไม่รู้'

วันนี้ ข้าพเจ้าและลูกรีบนำปลาเหล่านี้ไปปล่อยลงในแม่น้ำ ที่มีนำ้ไหล ปลาใหญ่น้อยเหล่านี้ดำผุดดำว่ายอย่างอิสระ อยู่ใกล้ๆนั้น สักพัก เหมือนกับจะขอบคุณเรา แล้วก็แหวกว่ายหายไปกับสายน้ำ

ที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะเล่า ก็เพื่อให้ทุกคนที่ปล่อยปลาบ่อยๆ 'โปรดอย่านำปลาที่ใส่ถุงแล้ว มาใส่ในถุงหิ้วใหญ่ใบเดียว ช่วยกรุณา แยกถุงใบหนึ่ง กับถุงถือ 1 ใบ ด้วย จะได้ไม่เกิดการทับกัน' ขอให้ทุกท่านโชคดี มีบุญจากการทำทาน และไม่ทำบาป โดยไม่ตั้งใจ





ปรัชญาคนขับรถแทกซี่

  ปรัชญาคนขับรถแทกซี่                 ไม่กี่วันก่อน ตอนเช้ามืด.. ข้าพเจ้าได้นั่งรถแทกซี่ จากโรงพยาบาลบเอกชนกลับบ้านหลังจากเลิกเวร.. ระหว่างท...