ในวังวน อันสับสน ความรู้สึก ซึ่งสะท้อน จากส่วนลึก สำนึกฉัน
ถึงเคราะห์กรรม ครั้งเก่า เศร้าชีวัน ให้ประหวั่น พรั่นพรึง คะนึงกลัว
ความผิดพลาด ยิ่งใหญ่ ในชีวิต คือวางใจ เป็นมิตร กับคนชั่ว
จึงถูกเล่ห์ หลอกลวง จนหลวมตัว ชีพมืดมัว หมองหมาง หนทางเดิน
สูญเสียทรัพย์ สูญศรัทธา สูญศักดิ์ศรี สูญความดี ที่สะสม บ่มนิสัย
ความมั่นคง ครอบครัว แทบบรรลัย สั่นคลอนไหว เกือบทลาย กลายเป็นลม
นี่คือการ ใช้กรรม ของชาติก่อน เหมือนละคร ย้อนคืน สุดขื่นขม
อยากทำร้าย ทำลาย คนโสมม ให้ตรอมตรม จมดิน ดับสิ้นไป
อันความทุกข์ ชอกช้ำ ระกำจิต ยังคงติด ดำรง อสงไขย
ใครรู้จัก ปล่อยวาง ดวงฤทัย ก็จะไม่ หม่นหมอง นองน้ำตา
หากยึดยื้อ ถือมั่น ขยันคิด เข็มชีวิต หมุนวน จนมืดหน้า
ต้องเคืองแค้น แน่นอุระ สุดระอา แสนโกรธา โทษฟ้า ว่าเมฆิน
ยังโชคดี มีธรรม พระคำสอน ได้ช่วยผ่อน ทุกข์จาง ดุจวางหิน
ลดโทสะ ละอาฆาต ที่เกาะกิน ล้างมลทิน ติดตัว ตราบชั่วนาน
ข้าขอโทษ ภรรยา และลูกรัก ผู้พิทักษ์ ครอบครัว ดั่งรั้วบ้าน
โปรดอภัย ความรู้เท่า ไม่ถึงการณ์ ถูกคนพาล ล่อลวง บ่วงผูกพัน
กลายเป็นสัตว์ ดิ้นรน เพื่อพ้นหลุด ทั้งยังฉุด หลักเสา เผาความฝัน
ร้อนระอุ ครุกรุ่น ทุกคืนวัน เมื่อไรฉัน จะสุดสิ้น โบยบินไกล
ต่อแต่นี้ ขอไม่เป็น เช่นคนเก่า ที่โง่เขลา เบาคำคน จนหวั่นไหว
พวกผีเปรต เศษนรก หญิงจังไร นำชักให้ โลภหลง ผงเข้าตา
ขอมุ่งมั่น ก้าวไป ใฝ่ฝึกฝน คอยผ่อนปรน ตรองตรึก หมั่นศึกษา
ขอช่วยเหลือ เจือจุน หนุนประชา ตามครรลอง ของปัญญา บารมี
ขอสร้างตัว สร้างตน คนยกย่อง ขอปกป้อง เมียลูก ปลูกศักดิ์ศรี
ขอลบล้าง ความผิด ด้วยความดี ขอข้ามี โชคชัย พ้นภัยพาล
ขออโห – สิกรรม น้อมนำจิต ละความคิด เคียดแค้น แน่นสังขาร
เลือนละลาย หายสิ้น ในสายธาร แห่งห้วงกาล เวลา คงคาลัย
ขอฟ้าดิน ดลให้ ใฝ่กุศล จงก่อผล บุญธรรม กรรมยิ่งใหญ่
สุขภาพ ไร้อาเพศ เหตุโพยภัย ทุกข์ห่างไกล ครอบครัว ตัวข้าเอย.
พ.ต.อ. เสรี ธีรพงษ์ ผู้แต่ง
1 มกราคม 2551