เด็กพรีมี่
บรรยากาศเมื่อคืนนี้ มีแต่ความสงบและปราศจากการรบกวนจากการปรึกษาของแพทย์ฝึกหัด เนื่องจากภายในห้องคลอดมีคนไข้สตรีอยู่เพียงรายเดียว เป็นท้องแรกตั้งครรภ์ 30 สัปดาห์ และได้รับการแก้ไขปัญหาการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงได้สั่งย้ายคนไข้ขึ้นไปนอนบนหอผู้ป่วยชั้น 6 ตั้งแต่หัวค่ำ สรุปคือ เกือบทั้งคืนมีเพียงข้าพเจ้า แพทย์ฝึกหัดและเจ้าหน้าที่พยาบาลเวรเท่านั้นที่นอนเฝ้าโยงห้องคลอด
แต่จู่ๆเวลาประมาณ 5 นาฬิกาของเช้าวันนี้ ก็มีคนไข้สตรีรายหนึ่งเจ็บครรภ์มาที่ห้องคลอดของโรงพยาบาล ตอนที่ได้รับรายงานว่า เป็นท้องแรก 31 สัปดาห์ ท่าก้น และปากมดลูกเปิด 5 เซนติเมตร ข้าพเจ้าคิดอยู่ในใจว่า น่าจะพอแก้ไขได้ เพราะ ปัจจุบันแผนกกุมารเวชของโรงพยาบาลตำรวจ มีความสามารถในการดูแลเด็กเล็กเป็นอย่างดี แต่พอทบทวนประวัติของคนไข้สตรีรายนี้ ก็ยังหวั่นๆใจว่า อาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับเด็กที่คลอดก่อนกำหนด….
“ จากประวัติ คนไข้รายนี้ได้มานอนโรงพยาบาลตำรวจตั้งแต่ 3 วันก่อน ด้วยเรื่องเจ็บครรภ์ก่อนกำหนด เพิ่งกลับบ้านเมื่อวานตอนเย็น พอตกกลางคืน ประมาณ 4 ทุ่ม ก็มีน้ำเดินและมูกเลือด คนไข้คิดเอาเองว่า คงไม่เป็นไร เพราะ อาการเจ็บครรภ์ท้องแข็งดีขึ้นอย่างมาก จนคุณหมอผู้ดูแลอนุญาติให้กลับบ้าน ดังนั้น อาการที่มีน้ำเดินและเลือดออกจากช่องคลอดแค่นั้น อาจเป็นเรื่องปกติก็เป็นได้ แต่จริงๆ การมีน้ำเดินหรือเลือดออกจากช่องคลอดขณะท้องอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะอายุครรภ์เท่าไหร่ ก็ถือว่า ไม่ปกติแล้ว ลักษณะเช่นนี้คงต้องดูแลคนไข้อย่างระมัดระวังหน่อย ” ข้าพเจ้าพูดอธิบายให้แพทย์ฝึกหัดที่มาร่วมตรวจคนไข้รายนี้ฟัง และเพิ่มเติมว่า “ บางที เราน่าจะทำอัลตราซาวนด์ให้กับคนไข้ เพื่อดูว่า ทารกมีความพิการแต่กำเนิดหรือเปล่า เพราะภาวะเจ็บครรภ์ก่อนกำหนด ส่วนหนึ่งเกิดจากทารกในครรภ์พิการแต่กำเนิด ถ้าทารกพิการจริงๆ เราก็คงปล่อยให้คนไข้คลอดเองทางช่องคลอด โดยไม่จำเป็นต้องนำคนไข้ไปผ่าตัดคลอดให้เสียเวลาและทำให้คนไข้เจ็บตัวด้วย ”
“ คนไข้เคยทำอัลตราซาวนด์มาครั้งหนึ่งแล้วขณะอายุครรภ์ 20 สัปดาห์ ” แพทย์ฝึกหัดพูดสอดขึ้นมา เนื่องจากมีบันทึกในใบฝากครรภ์ที่หมายเหตุไว้ว่า เคยทำอัลตราซาวนด์มาก่อนที่คลินิกแห่งหนึ่ง โดยไม่มีหมายเหตุว่า พบสิ่งผิดปกติ
“ อย่างนั้น รีบเอาคนไข้ไปเข้าห้องผ่าตัดด่วนเลย เพราะ คนไข้มีน้ำเดินออกมา ตั้งแต่ 4 ทุ่ม ปานนี้น้ำคร่ำอาจจะไหลออกมาจนเกือบหมดถุงน้ำคร่ำแล้วก็ได้ เนื่องจาก ก้นของเด็กอาจจะไม่ปิดพอดีกับปากมดลูก ทำให้มีรูรั่วให้น้ำคร่ำไหลออกตลอดเวลา หากน้ำคร่ำมีน้อยมากๆในโพรงมดลูก จะมีผลทำให้สายสะดือถูกกดทับได้ง่าย และเด็กจะตายทันทีที่สายสะดือถูกกดทับ ” ข้าพเจ้าพูดสอนแพทย์ฝึกหัดในขณะที่เร่งให้เจ้าหน้าที่รีบส่งคนไข้ไปห้องผ่าตัดที่อยู่ติดกันกับห้องคลอด พร้อมกับพูดเน้นกับพยาบาลห้องคลอดให้ตามกุมารแพทย์ไปรับเด็กด้วย
“ เออ! เราจะรีบผ่าตัดคลอดให้กับคุณเลยนะ เพราะเด็กอาจตายได้ทุกขณะจากการที่สายสะดือถูกกดทับ ” ข้าพเจ้าหันหน้าไปบอกกับคนไข้สตรี และสังเกตว่า ใบหน้าของเธอซีดมากด้วยความตกใจ คนไข้สตรีรายนี้อายุเพียง 21 ปี ยังไม่มีประสบการณ์การคลอดใดๆ อีกทั้งไม่มีความรู้เรื่องการตั้งครรภ์ จึงทำให้เธออยากจะถามโน่นถามนี่ แต่..ข้าพเจ้าไม่มีคำตอบที่จะทำให้เธอสบายใจได้เลย
ที่ห้องผ่าตัด กุมารแพทย์จัดเตรียมเครื่องมือสำหรับรับสถานการณ์ครั้งนี้อย่างพร้อมมูล แต่ข้าพเจ้ายังคงหนักใจ กับการผ่าตัดครั้งนี้อยู่ดี เพราะกลัวเด็กจะไม่รอด ข้าพเจ้าลงมีดผ่านผนังหน้าท้องของคนไข้อย่างรวดเร็วจนถึงชั้นมดลูก และพูดอธิบายบอกแพทย์ฝึกหัดไปด้วยว่า “ คนไข้รายนี้ตั้งครรภ์ 31สัปดาห์ ปกติ อายุครรภ์ขนาดนี้มดลูกส่วนล่าง( Lower segment ) จะหนามาก การผ่าตัดมักมีปัญหาเรื่องการฉีกขาดของรอยแผลบนตัวมดลูกส่วนล่างและเย็บยาก แต่คนไข้รายนี้ ปากมดลูกเปิด 5 เซนติเมตรแล้ว ทำให้มดลูกส่วนล่างยืดตัวและบางลง การผ่าตัดเปิดมดลูกส่วนล่างจึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการฉีกขาดมากนัก ปัญหาของเราตอนนี้ที่สำคัญ คือ เป็นเด็กท่าก้นและเป็นเด็กพรีมี่ด้วย (เด็กพรีมี่ หมายถึง เด็กที่คลอดก่อนกำหนด) ปกติ การทำคลอดท่าก้นก็เป็นเรื่องที่มีปัญหาอยู่แล้ว เช่น ปัญหาการหักของแขนขาเด็กจากกระบวนการคลอดที่ต้องปัดแขนปัดขาให้หลุดออกมาจากโพรงมดลูก แต่คนไข้รายนี้ยังตั้งครรภ์ไม่ครบกำหนดด้วย ซึ่งเด็กอายุครรภ์น้อยๆแบบนี้ แขนขาย่อมบอบบาง ทำให้ยิ่งหักง่ายขึ้น เพราะฉะนั้น ต้องทำคลอดด้วยความระมัดระวัง อีกประการหนึ่ง คือ เรื่องการคลอดส่วนหัวของเด็ก รกที่เกาะทางด้านล่างของมดลูกอาจขัดขวางการคลอดส่วนหัวได้ บางที เราอาจจำเป็นต้องใช้วิธีคลอดแบบหกคะเมน ตีลังกา ( Smellie’s method ) และตะแคงตัว เอาเด็กออกมา ”
สำหรับทารกรายนี้ คลอดได้ไม่ยากอย่างที่คิด พอผ่าตัดเปิดมดลูกส่วนล่าง ก็เห็นก้นเด็ก ข้าพเจ้ายังคงพูดกับแพทย์ฝึกหัดต่อว่า “ แผลผ่าตัดส่วนที่จะเอาเด็กออกนี้ ต้องเปิดให้กว้าง เพราะเด็กอาจคลอดติดหัวได้ ” จากนั้น ข้าพเจ้าจึงทำคลอดส่วนก้น ( Frank breech ) โดยดึงบริเวณส่วนพับของข้อตะโพก ให้ส่วนก้นโผล่ออกมาจนเห็นข้อพับเข่า แล้วทำคลอดส่วนขา ลำตัว แขนและส่วนหัว ออกมาอย่างนิ่มนวล
พอศีรษะเด็กคลอด ข้าพเจ้าได้ใช้ลูกยางแดงดูดมูกในจมูกและปากออก ปรากฏว่า มูกในจมูกปากเด็กเหนียวข้นมาก ข้าพเจ้าดูดมูกในจมูกและปากเด็ก 2-3 ครั้ง ก็ส่งเด็กให้กุมารแพทย์ กุมารแพทย์ได้ทำการดูดมูกจากจมูกปากเด็กต่อ แต่ทำไปก็บ่นไปว่า “ มูกเหนียวข้นมาก ดูดไม่ค่อยออกเลย ” สักพักหนึ่ง กุมารแพทย์ได้ อุทานออกมาและบอกกับพยาบาลผู้ช่วยว่า “ ตายแล้ว! หัวใจเด็กเต้นช้ามาก อัตราการเต้นต่ำกว่า 100 ครั้งต่อนาที เตรียมท่อช่วยหายใจให้หน่อย ”
สักพักหนึ่ง หลังจากพ่นอากาศออกซิเจนเข้าจมูกปากเด็กทางหน้ากากพลาสติก กุมารแพทย์จึงใส่ท่อช่วยหายใจ และให้ยากระตุ้นการเต้นของหัวใจเด็ก พลางตะโกนบอกพยาบาลผู้ช่วยอีกว่า “ เด็กไม่ค่อยดี รีบติดต่อ ไอ. ซี. ยู. ทารกแรกเกิดด่วน และเตรียมเครื่องช่วยหายใจอัตโนมัติไว้ด้วย ”
ข้าพเจ้ายังคงทำหน้าที่ของตัวเอง คือเย็บปิดแผลผ่าตัดบนตัวมดลูกและหน้าท้องไปเรื่อยๆ เพราะคงไม่มีประโยชน์อะไร ที่จะไปช่วยเหลือกุมารแพทย์ การผ่าตัดเป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆเกิดขึ้น
หลังออกจากห้องผ่าตัด คนไข้ถูกย้ายไปอยู่หอผู้ป่วยชั้น 6 ข้าพเจ้าได้ไปเยี่ยมเธอ และเล่าถึงอาการของบุตรเธอที่อยู่ในสภาพไม่ดี มีโอกาสเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ คนไข้ร้องไห้เสียใจมาก น้ำตาไหลพรากตลอดเวลาและถามว่า “ ลูกของหนูเป็นผู้หญิงหรือชาย? ”
ข้าพเจ้าแสดงความเสียใจ และตอบเธอว่า “ เป็นเด็กผู้หญิง น้ำหนักแรกคลอด 1900 กรัม ความดันโลหิต 60/30 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งอยู่ในสภาพช็อก นั่นเอง ”
น้าสาวของคนไข้ที่มาเฝ้าอยู่ข้างๆถามข้าพเจ้าว่า “ คนไข้จะท้องได้อีกเมื่อใด? ท้องต่อไปจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกไหม? และจะหาทางป้องกันได้อย่างไร? ”
“ คุณควรพักการตั้งครรภ์ไว้ประมาณ 1 ปี แต่ไม่ต้องรับประทานยาคุมกำเนิดหรอก ใช้วิธีคุมธรรมชาติก็แล้วกัน แต่หากผิดพลาด เกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาก่อน 1 ปี ก็ไม่ต้องไปทำแท้งนะ เดี๋ยวนี้ ถ้ามีการฝากครรภ์และได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด การตั้งครรภ์ซ้ำในกรณีเคยผ่าตัดคลอดมาก่อน จะเกิดปัญหามดลูกแตกน้อยมากๆหรือไม่เกิดเลย ” ข้าพเจ้าตอบคำถามแรก โดยหันไปพูดกับคนไข้โดยตรง จากนั้น ได้ตอบคำถามต่อไปว่า “ ผู้หญิงคนไหนก็ตาม หากมีการคลอดก่อนกำหนดเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง ท้องต่อไป ย่อมมีโอกาสเจ็บครรภ์ก่อนกำหนดเกิดขึ้นซ้ำอีก ดังนั้น พอตั้งครรภ์ ต้องฝากครรภ์สม่ำเสมอและบอกกับคุณหมอผู้ดูแลบ่อยๆว่า ท้องที่แล้ว คลอดก่อนกำหนดและเด็กเสียชีวิตหลังคลอด หมอท่านนั้นจะได้ให้ยาคลายกล้ามเนื้อมดลูกตั้งแต่อายุครรภ์ 24-25 สัปดาห์หรือประมาณ 6 เดือน เพื่อป้องกันปัญหาการคลอดก่อนกำหนด คุณจะได้เลื่อนการตั้งครรภ์ออกไปจนครบหรือใกล้กำหนดคลอดได้ และคลอดอย่างปลอดภัย อีกประการหนึ่งที่อยากจะบอก คือ ห้ามมีเพศสัมพันธ์ ตลอดการตั้งครรภ์ มิฉะนั้น สารคัดหลั่งในน้ำอสุจิจะมีผลทำให้มดลูกหดรัดตัวอย่างแรง เกิดการคลอดก่อนกำหนดได้ ”
เวลาประมาณ 16 นาฬิกา ทารกน้อยได้ถึงแก่กรรมที่ห้อง ไอ.ซี. ยู. ทารกแรกเกิด คนไข้ สามีและญาติต่างพากันเศร้าโศกเสียใจ ข้าพเจ้าได้ไปเยี่ยมอีกครั้งและพูดปลอบใจทุกคนว่า “ พวกเราที่นี่พยายามช่วยเหลือเด็กอย่างสุดความสามารถแล้ว กุมารแพทย์ได้โทรศัพท์บอกผมหลายครั้งว่า เด็กอยู่ในสภาพที่ไม่ดีและไม่น่าจะรอด ผมเองก็เสียใจเช่นกัน เด็กที่คลอดก่อนกำหนดและอาการไม่ดีเช่นนี้ หากรอดมาได้ สมองคงได้รับการกระทบกระเทือนไม่มากก็น้อย บางที การที่เขาเสียชีวิตไป อาจเป็นโชคดีของเขาที่จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานในสภาพคนพิการและเป็นภาระสำหรับพ่อแม่ ”
ข้าพเจ้าคงไม่มีคำพูดปลอบใจอะไรอีก คำพูดที่มากมาย หรือไพเราะน่าฟังอย่างไร ก็คงไม่สามารถปลอบใจพวกเขาได้เพียงพอ เนื่องจากพวกเขาได้สูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตไป บางที ข้าพเจ้าเอง ก็อยากจะบอกกับคนที่เป็นพ่อแม่ทุกคนว่า ยามที่ลูกของเรายังใช้ชีวิตปกติสุขอยู่เช่นในปัจจุบัน เราน่าจะให้เวลากับเขามากๆหน่อย เมื่อยามลูกเราเติบใหญ่ เราจะได้ไม่สูญเสียพวกเขาไปในลักษณะที่เป็นคนไร้ค่า เช่น ทำชั่วเป็นนิจ ติดยา ค้าผงขาว เป็นต้น
ข้าพเจ้ามักถูกคนชักชวนให้ไปทำโน่นนี่ ที่คนอื่นเห็นว่าสำคัญอย่างมาก ข้าพเจ้าเอง ก็อยากบอกกับคนเหล่านั้นบ้างเหมือนกันว่า “ ในอาทิตย์หนึ่งๆ ข้าพเจ้าแทบจะไม่ได้พาลูกไปว่ายน้ำหรือเที่ยวสวนสนุกเลย เรื่องของคุณจะสำคัญได้อย่างไร? ”
ใครๆก็มักจะหวังดีต่อเรา ด้วยการชักนำไปทำสิ่งที่ดีต่างๆนานา แต่นั่น ทำให้เราเสียเวลา และ…ในโลกนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า ลูกของเราหรอก แม้กระทั่งตัวเราเอง……………..
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@