ฝันร้ายปลายฤดูฝน

 

ฝันร้ายปลายฤดูฝน

          ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปรายตามฤดูกาลมานานหลายสัปดาห์ ประชาชนต่างพากันยินดีพร้อมหน้า ดุจปลาได้น้ำ ยกเว้นไว้แต่ ผู้อยู่ในดินแดนที่ฝนตกมากเกินไป จนเกิดน้ำท่วมอุทกภัย อย่างไรก็ตาม บัดนี้ เวลาได้ล่วงเข้าสู่ช่วงปลายแห่งฤดูฝนแล้ว ความยินดีและความโศกเศร้า ก็เริ่มงวดเข้าและจืดจางลงตามลำดับ คงไม่มีใคร ที่จะดีใจ  หรือโศกเศร้าอาลัย ตลอดไปได้หรอก 

           อาจเป็นเพราะ คนเรามีกรรมที่แตกต่างกัน……….ทุกๆวัน ข้าพเจ้าจึงพบเรื่องราวหลากหลายมากมายเกี่ยวกับคนไข้สตรีตั้งครรภ์ คนไข้สตรีบางคนมาพร้อมกับครอบครัว เพื่อขอดูภาพทารกน้อยทางจอเครื่องตรวจอัลตราซาวนด์และฟังเสียงเต้นของหัวใจลูก บางคนพรำบ่นด้วยความเสียใจ ที่ทดสอบการตั้งครรภ์แล้วให้ผลบวกเนื่องจากตนยังไม่พร้อม และบางคนร่ำให้เสียใจออกมาอย่างสุดซึ้ง เพราะได้รับรู้ว่า เธอกำลังสูญเสียสิ่งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตไป  แม้จะเป็นเพียงแค่คำบอกเล่าจากคุณหมอผู้ตรวจ

            วันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ข้าพเจ้าได้พบกับเพื่อนสตรีจากแดนไกล ชื่อคุณรัตติยา เธอเดินทางมาพบข้าพเจ้าพร้อมกับคุณแม่และน้องสาว ใช่แล้ว! เธอมีครอบครัวอยู่ในต่างประเทศ อีกฟากหนึ่งของโลกทีเดียว เมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา หลังจากทราบจากสูติแพทย์ว่า ตั้งครรภ์ ทุกคนในครอบครัวเธอและสารทีต่างก็ดีใจ แต่เวลาผ่านไปไม่นาน คุณรัตติยาเกิดมีปัญหาเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เธอจึงโทรศัพท์ลัดฟ้าจากประเทศอเมริกา เพื่อมาสอบถามความเป็นไปของภาวะนี้  ข้าพเจ้าได้ปลอบใจและให้ความรู้เบื้องต้นกับเธอ เนื่องจาก คิดว่า นั่นเป็นเพียงแค่ภาวะแท้งคุกคาม เท่านั้น คุณรัตติยายังมีโอกาสอีกมากที่จะได้ลูก ซึ่ง….ก็เป็นจริงตามนั้น เพราะในเวลาต่อมา จากการตรวจดูด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ผ่านทางช่องคลอด แล้วพบ เงาของทารกน้อย พร้อมกับการเต้นของหัวใจ  หลังจากนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูเหมือนว่า จะผ่านไปอย่างราบรื่น  ช่วงเวลานี้ คุณรัตติยาเดินทางกลับมาเมืองไทยสำหรับงานแต่งงานของน้องสาว เธอจึงขอแวะมาพบข้าพเจ้าเพื่อช่วยให้ได้ฟังเสียงหัวใจลูกและมองภาพการเคลื่อนไหวของลูกน้อยผ่านทางจอเครื่องตรวจอัลตราซาวนด์ ซึ่งข้าพเจ้าได้แสดงความยินดีกับครอบครัวของคุณรัตติยา ที่มีบุตรแข็งแรงสมบูรณ์

              ในค่ำคืนวันเดียวกันนั้น ตอนช่วงดึก ข้าพเจ้าได้รับโทรศัพท์จากคนไข้สตรีอีกรายหนึ่ง ด้วยเรื่องปวดท้องน้อยเนื่องจากกำลังจะแท้งบุตร คนไข้รายนี้ชื่อ คุณวิไลรัตน์ เรื่องราวของเธอมีความน่าสนใจในบางแง่มุม และควรค่าแก่การศึกษา

             ย้อนไปเมื่อ 4 เดือนก่อนอีกเช่นกัน คุณวิไลรัตน์ ได้รับการรักษาภาวะมีบุตรยากจากข้าพเจ้า ด้วยการทำอิ๊กซี่ และหยอดตัวอ่อนผ่านทางหน้าท้อง โชคดีที่เธอตั้งครรภ์ แต่ท่ามกลางความโชคดี ก็มีสิ่งที่คลางแคลงใจข้าพเจ้าว่า การตั้งครรภ์ครั้งนี้อาจมีปัญหา  เพราะจากผลการตรวจเลือดในวันที่ 14 ของการหยอดตัวอ่อน  ค่า serum Beta hCG มีค่าต่ำสุดที่จะบ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ นั่นคือ  25 หน่วย ต่อ มิลลิลิตร  ข้าพเจ้าได้ขอร้องให้คุณวิไลรัตน์ตรวจเลือดซ้ำ (serum Beta hCG ) ที่โรงพยาบาลต่างจากเดิมในอีก 2 วันถัดมา ปรากฏว่า ค่าผลเลือดเพิ่มขึ้นเป็น 114 หน่วยต่อมิลลิลิตร ( ปกติในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ ทุกๆ 2 วัน ค่า serum Beta hCG จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากเดิม ) มากกว่าค่าที่คาดการณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก…….

          ข้าพเจ้าเก็บความคลางแคลงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของคุณวิไลรัตน์ครั้งนี้ไว้ในใจ แม้ว่า ในเวลาต่อมา ข้าพเจ้าจะตรวจอัลตราซาวนด์ให้กับคุณวิไลรัตน์ แล้วพบเงาทารกพร้อมกับการเต้นของหัวใจก็ตาม  เวลาผ่านไป อายุครรภ์ของคุณวิไลรัตน์ก็มากขึ้นจนถึงประมาณ 9 สัปดาห์ ข้าพเจ้าได้ตรวจอัลตราซาวนด์ซ้ำ พบว่า เงาของทารกน้อยเริ่มมองเห็นรายละเอียดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะส่วนที่จะเจริญเป็นศีรษะ ( head  )และ แขนขา ( limb bud  ) ตอนนั้น ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจและคิดว่า ความสงสัยเดิมน่าจะผิด และอาจจะไม่เกิดปัญหากับการตั้งครรภ์ครั้งนี้อีกต่อไป เพราะการเต้นของหัวใจทารกยังคงอยู่  ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงได้นัดคุณวิไลรัตน์มาตรวจซ้ำในอีก 4 สัปดาห์

ก่อนถึงกำหนดนัดหมาย 5 วัน ตอนประมาณตีสอง  คุณวิไลรัตน์โทรศัพท์เข้ามือถือข้าพเจ้าเพื่อบอกว่า “ มีเลือดไหลออกมาทางช่องคลอดนิดหน่อยขณะเข้าห้องน้ำ แต่ไม่มีอาการปวดท้องน้อย ” ข้าพเจ้าได้พูดปลอบใจ และขอร้องให้นอนพักบนเตียงมากๆ ตอนเย็น ขอให้คุณวิไลรัตน์แวะเข้ามารับการตรวจดูอัลตราซาวนด์ผ่านทางช่องคลอดด้วย 

            เมื่อถึงเวลานัดหมาย คุณวิไลรัตน์ได้เดินทางมารับการตรวจอัลตราซาวนด์จากข้าพเจ้าที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง  ซึ่งผลปรากฏว่า เงาทารกมีขนาดเท่ากับ 9 สัปดาห์ ในขณะที่อายุครรภ์จริงคือ 12 สัปดาห์ แต่ที่เป็นปัญหา ก็คือ เงาทารกนั้นไม่มีการเต้นของหัวใจ  ข้าพเจ้ารู้สึกตกใจมาก อย่างไรก็ตาม นั่นคือ ความจริงที่คุณวิไลรัตน์และสามีจะต้องรับรู้ 

คุณวิไลรัตน์ พูดว่า “ วันนี้เป็นวันที่คุณแม่เสียชีวิตด้วย ทำไมหนูถึงโชคร้ายอย่างนี้ ”

ข้าพเจ้าไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าคำปลอบใจเล็กๆน้อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้พูดเพิ่มเติม ก็คือ “ ส่วนใหญ่ ทารกที่ตายในครรภ์ช่วงไตรมาสแรก  มักมีโครโมโซมผิดปกติ การแท้ง คือ กลไกการทำลายทารกพิการแต่กำเนิด เพราะฉะนั้น เราควรมองโลกในแง่ดีว่า ทารกรายนี้อาจมีความผิดปกติจนร่างกายจำเป็นต้องขับออกมา  ”

              ข้าพเจ้ายังให้โอกาสและเวลาแก่คุณวิไลรัตน์อีก 1 สัปดาห์ ในการเตรียมใจรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น  หมายความว่า อีก 1 สัปดาห์ หากยังคงไม่เห็นหัวใจของทารกน้อยเต้นจากการดูด้วยอัลตราซาวนด์ซ้ำ ข้าพเจ้าจะขูดมดลูกให้คุณวิไลรัตน์เพื่อทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลง

ครั้นถึงกำหนดนัดหมาย  คุณวิไลรัตน์ไม่สามารถมาพบข้าพเจ้าได้ เนื่องด้วยยังคงยุ่งอยู่กับงานศพของคุณแม่  จวบจนเสร็จสิ้นงานดังกล่าว คุณวิไลรัตน์จึงได้มาพบพร้อมกับอาการปวดท้องน้อยและมีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด ข้าพเจ้าได้ตรวจภายในช่องคลอดของคุณวิไลรัตน์  ปรากฏว่า มีเลือดค้างอยู่ภายในจำนวนหนึ่ง และเมื่อตรวจอัลตราซาวนด์ผ่านทางช่องคลอด ก็พบว่า ถุงน้ำคร่ำมีรูปร่างที่ไม่สม่ำเสมอ เงาทารกมีขนาดเล็กและไร้การเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น ซึ่งบ่งบอกอย่างแน่ชัดแล้วว่า “ ทารกน้อยได้เสียชีวิตไปแล้วอย่างแน่นอน ”

                ความจริง ข้าพเจ้าตั้งใจจะขูดมดลูกให้คุณวิไลรัตน์ตอนค่ำวันนั้นเลย แต่เนื่องจาก  เธอเพิ่งรับประทานอาหารมื้อเย็นลงไป การขูดมดลูกจึงเลื่อนเป็นวันรุ่งขึ้น  อย่างไรก็ตาม ตอนประมาณ 1 นาฬิกาเศษ คุณวิไลรัตน์ปวดท้องน้อยและมีเลือดออกจากช่องคลอดมาก เธอจึงได้เข้าไปนอนพักที่โรงพยาบาล   และข้าพเจ้าได้ตัดสินใจขูดมดลูกให้ในค่ำคืนนั้นเลย

คุณวิไลรัตน์นอนพักที่โรงพยาบาล เป็นเวลานาน 2 วัน จึงได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน ซึ่งเธอรู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่จู่ๆ….ก็มีประกายแห่งความหวัง เพราะสามารถตั้งครรภ์ได้นานถึง 3 เดือน แต่สุดท้าย…. กลับไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้

                คุณวิไลรัตน์ได้มารับการตรวจหลังขูดมดลูก 1 สัปดาห์ โดยไม่พบความผิดปกติใดๆ ข้าพเจ้าพยายามพูดปลอบใจเธอและสามีว่า “ ภายภาคหน้า คุณวิไลรัตน์จะสามารถตั้งครรภ์เองได้ไม่ยาก ”  แต่คุณวิไลรัตน์กลับตอบว่า “ หนูเข็ดและจะไม่ยอมเจ็บตัวใดๆอีกแล้ว ”

การตั้งครรภ์ในภายภาคหน้าของคุณวิไลรัตน์นั้น ในทางปฏิบัติ คงไม่จำเป็นต้องมารับการรักษาภาวะมีบุตรยากอีก เพราะสิ่งแวดล้อมภายในโพรงมดลูกและท่อนำไข่ รวมทั้งตัวไข่เอง ย่อมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เหมาะสมกับการตั้งครรภ์ ความหวังที่จะมีลูกของคุณวิไลรัตน์จะไม่ใช่ความฝันอย่างแน่นอน

                คนไข้สตรีมีบุตรยากที่ตั้งครรภ์คล้ายๆกับคุณวิไลรัตน์โดยมีค่า beta hCG ต่ำๆ หลังทำกี๊ฟหรือซี๊ฟยังมีอีกมาก เพียงแต่ คุณหมอผู้ดูแลไม่กล้าที่จะบอกถึงความเป็นไปในอนาคตให้ทราบ  ทำไมหรือก็เพราะ ส่วนใหญ่มักเป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่สมบูรณ์  โดยจะพบว่า

 สตรีที่ตั้งครรภ์หลังจากทำกี๊ฟหรือซี๊ฟได้ประมาณ 2 สัปดาห์หรือ 14 วัน ด้วยการเจาะเลือดทดสอบการตั้งครรภ์ แล้วปรากฏว่า ได้ค่า beta hCG ต่ำๆ ในช่วง 25 ถึง 30 หน่วยต่อมิลลิลิตร  (  mIU/ml  )  การตั้งครรภ์นั้นมักไม่ค่อยดี ดังเช่นกรณีของคุณวิไลรัตน์ โดยทารกจะเติบโตขึ้นมาได้ถึงระดับหนึ่ง ก็หยุดการเจริญเติบโตหรือตายไป  ถัดจากนั้น สตรีผู้ตั้งครรภ์ ก็จะแท้งบุตรออกมา

               ฤดูต่างๆ ย่อมแปรผัน หมุนเวียน และผ่านพ้นไปตามวัฏจักรแห่งกาลเวลา โดยไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้ ฤดูฝนน่าจะนำเอาความชุ่มฉ่ำมาให้ แต่บัดเดี๋ยวใจ อาจกลับกลายเปลี่ยนเป็นความทุกข์โศกของผู้คน  อย่างไรก็ดี  ช่วงปลายแห่งฤดูฝนนี้   ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังใกล้ที่จะกลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว

                หวังว่า โชคดี กำลังจะสลับเปลี่ยน หมุนเวียน กลับมาหาบรรดาผู้ที่เคยฝันร้ายจากการสูญเสีย………..

&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *