เพื่อน 1 (ต่อ)

วันถัดมา พี่สาวคนที่สาม ซึ่งแต่งงานไปอยู่จังหวัดเชียงใหม่ได้มาเยี่ยมที่นี่ พร้อมกับพ่อสามีและเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งของคุณกาญจน์ ตอนแรกข้าพเจ้าไม่ได้สนใจเพื่อนผู้ชายคนนั้นของคุณกาญจน์นัก แต่ต่อมาจึงได้รู้ว่า เขาชื่อ คุณศักดิ์ และเป็นผู้ที่บทบาทสำคัญในการผ่าตัดเปลี่ยนไตของเธอ
ช่วงเวลากลางวันของวันที่สองนี้เอง ที่ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ท่องเที่ยวบนดอยสูง ทางญาติคุณกาญจน์ได้ว่าจ้างรถตู้เช่าให้หนึ่งคัน พาข้าพเจ้าและครอบครัวไปเที่ยวโดยมีคุณกาญจน์เป็นมัคคุเทศก์
พวกเราออกเดินทางหลังจากรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว มุ่งหน้าออกจาก “หมู่บ้านเทอดไทย\” ไต่ดอยสูงขึ้นไปอีก ถนนสายหลักยังคงมีสายเดียว ถนนสายนี้ลาดยางเสร็จต้นปีนี้เอง พวกเราผ่านหมู่บ้านต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ คุณกาญจน์บอกว่า “จะเป็นหมู่บ้านของชาวอีก้อ, ลีซอ, แม้ว หรือเผ่าอื่นใด ต้องดูเสื้อผ้าที่ชาวเขาสวมใส่เป็นหลัก ลักษณะของบ้านนั้นมีแตกต่างกันบ้างไม่มากนัก แต่ปัจจุบันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบ้านเลียนแบบของชาวพื้นราบ เพราะการคมนาคมสะดวก และมีการติดต่อไปมาหาสู่กับชาวพื้นราบบ่อยขึ้น วัฒนธรรมต่าง ๆ ของสังคมสมัยใหม่จึงเผยแพร่เข้าไปสู่ชาวเขาเผ่าต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว”
“ชาวเขาบางบ้าน ทำไมถึงมีรถกระบะขับขี่ ทั้ง ๆ ที่บ้านไม่มีน้ำไฟและหลังคามุงจาก” ข้าพเจ้าตั้งข้อสังเกต
คุณกาญจน์บอกว่า “สมัยก่อน ชาวเขาเหล่านี้ค้ายาเสพติด จึงมีเงินมาก ปัจจุบันด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่าและพระเจ้าอยู่หัว ทำให้ชาวเขาเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ แม้จะเลิกค้ายาเสพติด แต่เมื่อถนนหนทางสะดวกอย่างนี้ ชาวเขาจึงนำเงินที่เหลือเก็บ มาซื้อรถกระบะเพื่อนำของขึ้นมาขาย หรือนำพืชผักผลไม้ลงไปจำหน่ายในเมือง”
รถตู้เช่าของพวกเราขับไปเรื่อย ๆ ข้าพเจ้ามองออกไปทางหน้าต่าง และเห็นทิวเขาสีเขียวสลับซับซ้อนมากมาย หมู่เมฆเรียงรายลอยต่ำเหนือยอดเขาไม่ไกลนัก บางเวลาจะมีไอหมอกสีขาวมาปะทะหน้ากระจกรถของเราเวลาแล่นผ่าน ทำให้มองเส้นทางข้างหน้าไม่ค่อยถนัด โชคดีที่สารถีของพวกเราเคยชินกับเส้นทาง จึงขับรถลัดเลี้ยวหลบหลีกอันตรายจากรถที่สวนมาหรือต้นไม้ข้างทางได้อย่างปลอดภัย ธรรมชาติของเทือกเขา หมู่ไม้เมฆหมอก เหล่านี้ช่างงดงามสดใสเหลือเกินบรรยากาศอย่างนี้นี่เอง ที่นักปราชญามักนำมาประพันธ์เป็นบทกวีลึกซึ้งและมีความหมาย
ชั่วระยะเวลา 1 ชั่วโมง พวกเราก็เดินทางมาถึงชายแดนไทยกับพม่า ถ้าเป็นสมัยก่อนที่ยังสร้างถนนสายนี้ไม่เสร็จ การเดินทางด้วยเท้าจาก “หมู่บ้านเทอดไทย\” จนมาถึงที่นี่ต้องใช้เวลานาย 3 วัน บริเวณชายแดนแห่งนี้ เป็นอีกสถานที่หนึ่งซึ่งมีความเจริญไม้แพ้ “หมู่บ้านเทอดไทย\” น้ำไฟและเครื่องอำนวยความสะดวกมีพรัอมครบครัน พวกเราใช้เวลาเที่ยวดูและถ่ายรูปที่นี่ประมาณ 15 นาที รู้สึกว่า ไม่มีอะไรที่น่าสนใจอีก จึงเดินทางกลับ
ตอนเย็น ทางพี่สาวคนโตของคุณกาญจน์ได้จัดเลี้ยง “สุกี้ยุนนาน” สำหรับแขกที่มาเยือนทุกคน ครอบครัวข้าพเจ้านั่งรับประทานอาหารโต๊ะเดียวกับคุณกาญจน์ และพี่สาวคนที่สาม ข้าพเจ้าจึงมีโอกาสถามไถ่ความเป็นมาของการเปลี่ยนไต เมื่อ 10 เดือนที่ผ่านมา
พี่สาวคนที่สาม เล่าให้ฟังว่า “ก่อนที่จะผ่าตัดเปลี่ยนไต กาญจน์อาการแย่ลงอย่างมาก ปกติจะฟอกไตอาทิตย์ละครั้ง ต้องเพิ่มเป็นอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ไม่อย่างนั้น กาญจน์จะหายใจไม่ออก ตอนนั้นตัดสินใจแล้วว่า จะต้องผ่าตัดเปลี่ยนไตอย่างแน่นอน พี่น้องทุกคนเดินทางมาจากที่ต่าง ๆ เพื่อเจาะเลือดตรวจสอบว่า ไตที่จะให้ คนไข้จะรับได้หรือไม่ สุดท้ายเหลืออยู่ 2 คนที่สามารถบริจาคไตได้ คือ ฉันและพี่สาวคนโต ฉันเองไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่พี่สาวคนโตเหมาะที่จะเป็นผู้เสียสละมากกว่า เพราะปัจจุบันไม่ได้ทำงานอะไร และอยู่บนภูเขาห่างไกลจากเชื้อโรค ส่วนฉันยังมีภาระต้องทำงานหนักอยู่ในเมืองเชียงใหม่ หากไตข้างที่เหลือติดเชื้อขึ้นมาจะเป็นอันตรายต่อชีวิตได้”
คุณกาญจน์พูดขึ้นบ้างว่า “พวกเราพี่น้อง 9 คน มีน้ำใจมากทุกคนยินดีเสียสละไตข้างหนึ่งให้ฉัน แต่พวกเรามีปัญหาเรื่องการเงิน เพราะก่อนหน้านี้ได้ใช้จ่ายเงินไปจำนวนมากในการรักษาและฟอกไตทางเส้นเลือดเป็นเวลานานหลายเดือน วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังมองดูการแสดงประจำปีของชาวเขา ที่สนามฟุตบอลของโรงเรียน “หมู่บ้านเทอดไทย\” ฉันต้องแปลกใจที่มีผู้ชายคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาทักทายว่า “คุณกาญจน์ใช่ไหม? ผมศักดิ์ไง” ใช่แล้ว คุณศักดิ์ที่ขึ้นมาเยี่ยมพร้อมกับพี่สาวคนที่สามนั่นแหละ หลังจากพูดคุยกันสักพักคุณศักดิ์จึงรู้ปัญหา เรื่องโรคไตและความจำเป็นในการผ่าตัดเปลี่ยนไตของฉัน โดยที่ไม่ได้ขอร้อง คุณศักดิ์ เสนอความคิดออกมาทันทีเลยว่า “รีบไปผ่าตัดเปลี่ยนไตให้เร็วที่สุด ทางบ้านคุณสนับสนุนเงินไปตามกำลัง ที่เหลือผมจัดการให้เอง” ฉันงงเลยกับคำพูดนี้ เพราะไม่คิดว่า จะมีคนใจดีและใจบุญเช่นนี้เหลืออยู่ในโลก ใจหนึ่งอยากจะปฏิเสธความหวังดี แต่อีกใจหนึ่ง คิดว่า ทางเดียวที่จะรอดพ้นจากความตายไปได้ คือ ยอมรับความช่วยเหลือจากเขา”
“คุณศักดิ์ ไม่เจอกับคุณกาญจน์มานานกี่ปีแล้วครับ” ข้าพเจ้าถาม
“14 ปี พอมาพบเจอกัน คุณศักดิ์ กลายเป็นเศรษฐีไปแล้ว และมาช่วยอุปถัมภ์ยามที่ต้องการพอดี ในโลกนี้ใครจะโชคดีมีเพื่อนแบบนี้อย่างฉันบ้าง ถ้าไม่มีเขา อาจจะไม่มีฉันในวันนี้” คุณกาญจน์สาธยายเรื่อง “ความสำคัญของเพื่อน” ให้ข้าพเจ้าฟัง
อาหารเย็นวันนี้ อร่อยมาก เพราะนอกจากมี “สุกี้ยุนนาน” เลิศรสแล้ว ยังได้ฟังเรื่องราวที่น่าสนใจของคุณกาญจน์อีก
“ช่วงนั้น คุณหมอคนที่ทำการผ่าตัดเปลี่ยนไต เพิ่งศึกษาจบจากเมืองนอกและกลับมาใหม่ ๆ ยังผ่าตัดเปลี่ยนไตคนไข้ไม่กี่รายเลย ฉันเองก็เป็นรายแรก ๆ ของคุณหมอเช่นกัน ช่วงเวลานั้น เป็นจังหวะเวลาที่ประจวบเหมาะพอดี พี่สาวคนโตหมดภาระเพราะลูก ๆ โตหมดแล้ว พบเพื่อนอุปถัมภ์เรื่องเงิน และคุณหมอคนนี้กลับมาจากเมืองนอกพร้อมกับนำเทคโนโลยีการเปลี่ยนไตใหม่ ๆ มาใช้ หากขาดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่ง ชีวิตของฉันคงเหมือนเส้นด้ายที่ขาดผึงและกลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว” คุณกาญจน์พูดระบายความในใจออกมา
วันนี้เป็นวันแห่งความสุข ทุกคนเชิญดื่ม…ดื่ม….” พี่สาวคนโตและสามียกแก้วเหล้าเชิญแขกทุกคนที่มาดื่มเหล้า ซึ่งเป็นประเพณีดั้งเดิมของคนจึนทุกยุคทุกสมัย
“งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เพื่อนฝูงย่อมมีวันต้องจากกัน อีกไม่กี่วัน คุณกาญจน์ จะเดินทางไปประเทศไต้หวัน ขอให้คุณกาญจน์โชคดีตลอดไปและเดินทางโดยสวัสดิภาพ” ข้าพเจ้าอวยพรให้คุณกาญจน์ด้วยความจริงใจ
วันถัดมา ซึ่งเป็นวันที่สามแห่งการมาเยือน “หมู่บ้านเทอดไทย\” ข้าพเจ้าและครอบครัวตื่นนอนค่อนข้างสาย เพราะวันนี้ไม่มีกิจกรรมอะไร หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ได้เดินทางไปแวะชมที่อำเภอแม่สาย ชายแดนไทย-พม่า ประมาณหนึ่งชั่วโมง จากนั้นจึงขึ้นเครื่องบินกลับสู่กรุงเทพฯ
พี่สาวคนที่สาม ตอนเช้าเธอล่วงหน้าออกเดินทางไปก่อนพร้อมคุณพ่อของสามีและคุณศักดิ์ เพราะต้องการจะไปเที่ยวพม่า โดยผ่านทางอำเภอแม่สาย ท่องเที่ยวถึงตอนเย็น จึงเดินทางกลับไปจังหวัดเชียงใหม่
เครื่องบินโบอิ้ง 747 ของสายการบินไทย บินขึ้นสู่ท้องฟ้า เมื่อเวลาประมาณทุ่มครึ่งของวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2541 ลูกชายข้าพเจ้านั่งมองอยู่ริมหน้าต่างเพื่อดูเจ้านกยักษ์ทะยานขึ้นจากลานบิน ภรรยานั่งถัดจากลูกชายคอยอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ของ “เครื่องบิน” ข้าพเจ้านั่งอยู่ริมหน้าต่างอีกด้านหนึ่งแยกจากครอบครัว เหม่อมองออกไปพลางคิดในใจว่า “เพื่อนนั้นมีความสำคัญไม่ใช่น้อย อาจช่วยเหลือหรือทำลายเราก็ได้ มีเพื่อนที่ดีบางทีช่วยเหลือเรามากกว่าพี่น้องอีก สุภาษิตจีนที่ว่า อยู่บ้าน อาศัยพ่อแม่ อยู่นอกบ้าน อาศัยเพื่อนฝูง นับว่าเป็นความจริงทีเดียว คุณกาญจน์เป็นเพื่อนสนิทธรรมดา ภรรยาข้าพเจ้ายังหอบเอาครอบครัวมาเยี่ยมเยียน คุณศักดิ์ ยอมสละเงินทองและยังมีเพื่อนฝูงอีกจำนวนมากคอยช่วยเหลือตามลำพัง
ในสายตาของข้าพเจ้า พ่อ แม่ พี่น้อง ถึงแม้ว่าจะใกล้ชิดเรามากที่สุด แต่หาใช่เพื่อนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปได้ตลอดเส้นทางแห่งชีวิต วันหนึ่ง พ่อ แม่ ย่อมต้องจากไป ส่วนพี่น้องก็ต้องมีครอบครัวส่วนตัวของเขา ตัวเราเองสร้างครอบครัวของตัวเรา ข้าพเจ้าสังเกตอยู่เสมอและรู้สึกว่า ภรรยามักจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของสามี แต่สามีอาจไม่ใช่เพื่อนที่ดีที่สุดของภรรยา
อันผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่า ภรรยา ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน ลองได้เป็นภรรยาแล้ว เธอจะอยู่เป็นเพื่อนของสามีไปทุกหนทุกแห่งแม้จะยากลำบากอย่างไร
ผู้หญิงที่เป็นภรรยา แต่เดิมมา ก็ไม่รู้จักผู้ชายซึ่งเป็นสามีมาก่อน ไม่มีความผูกพันกันทางสายเลือด เธอเพียงเดินทางมาพบ รู้จักและอยู่ร่วมกันชั่วครู่ชั่วยามในโลกนี้ ทำไมเธอจึงยอมเสียสละเพื่อสามีได้มากมายอย่างนั้น ข้าพเจ้าเชื่อว่า นั่นคือ “ธรรมชาติของผู้หญิง”
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
พ.ต.อ.นพ.เสรี ธีรพงษ์ ผู้ขียน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *