สตรีที่มีอายุขึ้นต้นด้วยเลข 4 ไม่ว่าจะเป็นใครหรือเคยมีความสวยงามมากขนาดไหน
คงต้องสะท้านใจและรู้สึกใจหายไปบ้าง บางทีอาจอุทานเบา ๆ คล้ายกับให้กำลังใจตัวเองว่า
\”ทุกคนต้องแก่ คนเราทุกคน สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้แก่กาลเวลา\” สตรีบางคนแก่ตัวแล้ว ดูดีมีราศี
ขึ้น แต่หลายคนดูแล้วราศีหม่นหมอง ยิ่งสีหน้าเคร่งเครียด ยิ่งดูแก่ ข้าพเจ้าขอแนะนำว่า \”ยอม
รับความจริงเถอะว่า วันนี้ไม่เหมือนวันเก่า ทิ้งความเศร้าเสียใจว่า เคยสวยไว้ข้างหลัง แล้วยิ้ม
รับวันใหม่ คุณจะดูสวยสดใส ดูอ่อนกว่าวัยยิ่งขึ้น\”
มีดาราสาวตัวประกอบนางหนึ่ง อายุย่าง 45 ปี ในอดีตเคยเป็นนางเอก แต่ปัจจุบัน
สังขารร่วงโรย รับบทได้เพียงตัวประกอบ เธอมักรำพึงรำพันกับเพื่อนฝูงด้วยความน้อยใจว่า
\”นางเอกมีอะไรดี นอกจากใบหน้าและอายุน้อย ที่คอยหลอกล่อสายตาผู้ชมประเดี๋ยว
ประด๋าว ดาราตัวประกอบอย่างฉันก็เคยผ่านการเป็นนางเอกมาแล้ว ฉันรู้ดี เดี๋ยวนี้ แม้จะไม่
สวยเหมือนเดิม แต่มากด้วยประสบการณ์ยิ่งนัก การแสดงมีความผิดพลาดน้อยและไม่เคยมาทำงาน
สาย ดอกไม้ที่สวยงามนั้น จะขาดใบไม้มาประกอบได้หรือ ไม่มีใบไม้บนกิ่ง ช่วยเชิดชูดอกไม้ให้
ดูงามเด่น ดอกไม้จะมีค่าสักเท่าไร ทำไมรายได้ของนางเอกและตัวประกอบ ถึงได้ต่างกันราว
ฟ้ากับดินอย่างนี้\”
ในทางการแพทย์ สตรีมีอะไรอย่างหนึ่งคล้ายกับคำพูดของดาราตัวประกอบรายนี้ สิ่ง
นั้นก็คือ \”ไข่\” ซึ่งเป็นเซลล์สืบพันธุ์สำคัญที่สุดของสตรี หากอายุเกิน 40 ปี จำนวน \”ไข่\” ที่ผลิต
ออกมาจะลดลงอย่างมาก เหมือนกับ \”รายได้\” ของนางเอกที่กลายมาเป็นดาราตัวประกอบ
อย่างนั้น เพราะฉะนั้นเราจึงมักไม่ค่อยเห็น สตรีอายุเกิน 40 ปีตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม หาก
ตราบใดที่ยังมี \”ไข่\” ตกอยู่ และ \”ไข่\” นั้นมีคุณภาพพอ สตรีอายุเกิน 40 ปี ก็สามารถตั้งครรภ์
ได้
ธรรมชาติเรื่องการตั้งครรภ์ของมนุษย์นั้น มีแปลกอยู่อย่างหนึ่ง คือ ไม่ว่าจะแต่งงาน
มานานเท่าไรแต่ไม่เคยตั้งครรภ์ แล้วมีวันหนึ่ง เกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา จะโดยธรรมชาติหรือใช้วิธีการ
ทางวิทยาศาสตร์มาช่วย ซึ่งไม่ว่าการตั้งครรภ์นั้นจะสิ้นสุดเร็วหรือดำเนินต่อไปจนคลอด การ
ตั้งครรภ์ครั้งนั้น จะทำให้สตรีผู้นั้น เกิดการตั้งครรภ์ครั้งต่อไปได้ง่ายขึ้น ขอยกตัวอย่าง
มีพยาบาลท่านหนึ่ง อายุ 34 ปี แต่งงานมา 9 ปี รักษาภาวะมีบุตรยากมามากมาย
จนท้อแท้ วันหนึ่งเกิดโชคดี ตั้งครรภ์ขึ้นมาเองตามธรรมชาติ เธอรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก แต่
ตั้งครรภ์ได้เพียง 9-10 สัปดาห์ ก็ตรวจพบว่า เป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่มีตัวเด็ก (BLIGHTED OVUM)
เธอจึงได้รับการขูดมดลูกเพื่อทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลง
ด้วยเหตุที่มีความหวังกำลังใจจากการตั้งครรภ์ครั้งแรก ทำให้เธอหวนกลับมารับการ
รักษาใหม่ เวลาผ่านไปไม่นานนักเธอสามารถตั้งครรภ์ได้สำเร็จด้วยวิธีการ \”คัดเชื้อและฉีดเชื้อ\”
ธรรมดา ๆ ไม่ได้ทำ \”กิ๊ฟ\” หรือ \”ซิ๊ฟ\” และต่อมาสามารถคลอดบุตรครบกำหนดด้วย บุตรของ
เธอแข็งแรงดี มีน้ำหนักมาตรฐาน และพัฒนาการตามปรกติ
เมื่อหลายปีก่อนมีคนไข้สตรีรายหนึ่ง บ้านอยู่จังหวัดสระบุรี ฐานะจัดเป็นเศรษฐีนี
คนหนึ่ง ตอนที่มารับการรักษาภาวะมีบุตรยากกับข้าพเจ้า เธออายุ 40 ปี แต่งงานมานานถึง
20 ปี ไม่เคยตั้งครรภ์หรือแท้งบุตร คนไข้สตรีรายนี้พร้อมกับสามีซึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
ไม่ได้นิ่งนอนใจ ใช้เวลารักษากับแพทย์ผู้มีชื่อเสียงมาหลายท่าน เสียเวลาไปหลายปี แต่ไม่เคย
ประสบความสำเร็จสักครั้งเดียว ครั้งสุดท้ายได้ทำ \”กี๊ฟ\” (21 เมษายน พ.ศ.2535) ซึ่ง
ตอนนั้นถือเป็นกรรมวิธีที่กำลังโด่งดังมาก แต่ก็ล้มเหลว
ข้าพเจ้าได้เริ่มให้การรักษาสามีภรรยาคู่นี้ใหม่ โดยทำ \”กิ๊ฟ\” ซ้ำให้อีกครั้ง การทำ
\”กิ๊ฟ\” ครั้งนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาห่างจากการทำ \”กิ๊ฟ\” ครั้งแรกประมาณ 6 เดือน ผลคือ
ประสบความสำเร็จเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น แต่เป็นความสำเร็จช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพียงตั้งครรภ์
ได้ 8 สัปดาห์เท่านั้น ก็แท้งบุตรออกมา \”ของขวัญจากสวรรค์\” อันมีค่าพลันสลายกลายเป็นสิ่ง
ไร้ค่าในทันที คนไข้สตรีผู้นี้ได้รับการขูดมดลูกและนอนพักโรงพยาบาล 2-3 วัน ก็เดินทางกลับสู่
ชนบท
8 เดือนถัดมาในเดือน สิงหาคม พ.ศ.2536 สามีภรรยาคู่นี้ขอกลับมารักษาอีกครั้ง
หนึ่ง คราวนี้ขอร้องข้าพเจ้าให้เลือกวิธีการรักษาดีที่สุดมาใช้ ข้าพเจ้าเลือก \”ซิ๊ฟ\” ซึ่งเป็น
กระบวนการคล้าย ๆ กับ \”กิ๊ฟ\” เพียงแต่ว่า เมื่อเจาะส่องกล้อง (LAPAROSCOPE) เข้าไปใน
ท้องแล้ว แทนที่จะหยอด \”เซลล์สืบพันธุ์\” (ไข่ & อสุจิ) เข้าไปในท่อนำไข่ เราจะหยอด
\”ตัวอ่อน\” เข้าไปแทน จึงให้ผลการรักษาที่ดีกว่า แต่…ฟ้าไม่เข้าข้างในคราวนี้ คนไข้สตรีไม่
ตั้งครรภ์
อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าได้ให้กำลังใจกับสามีภรรยาคู่นี้ โดยบอกว่า \”ไม่แน่นะ….
ต่อไป คุณผู้หญิงอาจจะตั้งครรภ์เองก็ได้ เพราะเคยตั้งครรภ์มาแล้ว ถึงแม้ว่าจะแท้งไปก็ตาม
ในทางทฤษฎีการตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นครั้งก่อน จะไปเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมภายในท่อนำไข่และ
โพรงมดลูก ให้กลายเป็นสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การตั้งครรภ์ ดังนั้น อย่าหมดกำลังใจ\”
เวลาผ่านไปได้ 3 เดือน คำพูดที่ให้กำลังใจจากข้าพเจ้าเป็นจริงขึ้นมา คนไข้สตรี
ผู้นี้ตั้งครรภ์ขึ้นมาเองตามธรรมชาติ เวลานั้นประจำเดือนขาดไปได้เดือนเศษ ข้าพเจ้าจึงตรวจดู
ด้วยอัลตราซาวนด์ผ่านทางช่องคลอดและพบเงาของทารกพร้อมกับมีการเต้นของหัวใจ ข้าพเจ้า
กล่าวแสดงความยินดีและบอกว่า \”ขณะนี้ตั้งครรภ์ได้ 7 สัปดาห์ อยากให้ฉีดยากันแท้งไว้สักหน่อย
ป้องกันการแท้งซ้ำ\”
คนไข้สตรีทำตามคำแนะนำและมารับการตรวจครรภ์ตามนัดทุกครั้ง พออายุครรภ์ได้
16 สัปดาห์ ข้าพเจ้าได้ให้ความรู้เป็นเชิงแนะนำว่า \”ปรกติ สตรีตั้งครรภ์ที่อายุเกิน 35 ปี จะมี
ความเสี่ยงต่อภาวะปัญญาอ่อน (DOWN’S SYNDROME) ของทารกในครรภ์มากกว่าสตรีอายุน้อย
การเจาะน้ำคร่ำไปส่งตรวจโครโมโซมเป็นวิธีการหนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป อย่างไรก็
ตาม ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของคนไข้ด้วย\”
คนไข้สตรีผู้นี้กล่าวว่า \”ดิฉันไม่อยากทำ เพราะคนข้างบ้านของดิฉันตั้งครรภ์ได้ 4
เดือน ไปทำกรรมวิธีนี้แหละ เลยเกิดการแท้งบุตรขึ้นมา ดิฉันกลัวจะเป็นอย่างนั้น\”
ข้าพเจ้าไม่ได้บังคับจิตใจของคนไข้ เพราะการเจาะถุงน้ำคร่ำมีความเสี่ยงไม่น้อย
แม้ว่าจะทำภายใต้ความระมัดระวัง เช่น มีน้ำคร่ำรั่วออกมาจากรูเจาะตลอดเวลา,เกิดการ
ติดเชื้อภายในโพรงมดลูก หรือเข็มที่เจาะน้ำคร่ำแทงถูกอวัยวะของทารก เป็นต้น
ในเมื่อคนไข้ยอมแบกรับความเสี่ยงครั้งนี้เอาไว้ ภายหลังจากได้รับคำอธิบายอย่าง
ถ้วนถี่ ข้าพเจ้าก็ไม่ได้บังคับ จากสถิติการเกิดภาวะปัญญาอ่อนของทารกในสตรีตั้งครรภ์อายุ 40
ปีขึ้นไปนั้น จะพบความผิดปรกติได้ในอัตรา 1:360 ซึ่งข้าพเจ้าหวังว่า เธอคงจะไม่โชคร้าย
การตั้งครรภ์ดำเนินไปโดยไม่มีปัญหา ข้าพเจ้าได้ใช้เครื่องอัลตราซาวนด์ ติดตาม
ดูการเจริญเติบโตและความผิดปรกติของทารกเป็นระยะ ๆ รวมทั้งเจาะตรวจเลือดเกี่ยวกับ
ภาวะเบาหวานด้วย
เมื่อคนไข้ตั้งครรภ์ได้ 38 สัปดาห์ ข้าพเจ้าจึงทำการผ่าตัดให้คลอดบุตรออกมาใน
เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2537 ผลปรากฏว่า ได้ทารกเพศชาย หนัก 3755 กรัม แข็งแรงดี หลัง
คลอด คนไข้สตรีรายนี้มารับการตรวจ ก็ไม่พบว่ามีความผิดปรกติใด ๆ และเธอไม่ได้ใส่ใจเรื่อง
การคุมกำเนิดเนื่องจากอายุมากแล้ว
ข้าพเจ้าพูดจาล้อเล่นกับคนไข้ว่า \”ไม่แน่นะ…..ปีหน้าอาจจะตั้งครรภ์มาอีกก็ได้
เพราะตั้งครรภ์มา 2 ครั้งแล้ว ต่อไปจะตั้งครรภ์ง่ายมากเลย\”
คนไข้บอกว่า \”แต่งงานมา 20 ปี มีบุตรชายคนนี้คนเดียวได้ ถือว่าโชคดีแล้ว หาก
จะตั้งครรภ์อีกสักคน ก็ไม่เป็นไร แต่คิดว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้นหรอก เพราะตอนนี้อายุดิฉัน 42 ปีแล้ว
อายุขนาดนี้ คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมี\”
ข้าพเจ้าตอบว่า \”ตอนที่เรียนเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาลศิริราช เคยเห็น
ผู้หญิงอายุถึง 53 ปี มาคลอดบุตร ซึ่งถือว่า เป็นผู้หญิงที่มีลูกได้ตามธรรมชาติอายุมากที่สุดเท่าที่
ข้าพเจ้าเคยเห็น เพราะฉะนั้นอายุ 42 ปี ยังมีโอกาสเป็นไปได้\”
เมื่อบุตรชายคนแรกอายุได้ 8 เดือน คนไข้สตรีผู้นี้ตั้งครรภ์ขึ้นมาอีกจริง ๆ เธอและ
สามียอมเดินทางไกลมาจากจังหวัดสระบุรี เพื่อมาฝากครรภ์ที่กรุงเทพฯ ด้วยเหตุผลว่า \”ไม่ไว้ใจ
หมอต่างจังหวัด และระยะทางไม่ไกลเกินไปนัก\” ข้าพเจ้าได้อธิบายให้สามีภรรยาคู่นี้ฟังว่า \”การ
ผ่าตัดคลอดบุตรทางหน้าท้องไม่ใช่เรื่องยาก จึงไม่จำเป็นต้องลำบากเดินทางไกล\” อย่างไรก็ตาม
เรื่องที่สองสามีภรรยาเป็นกังวลมากกว่าระยะทาง คือ \”การตั้งครรภ์ครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นห่างจาก
ครั้งที่แล้ว 8 เดือน จะมีปัญหาหรือไม่\”
ข้าพเจ้าให้ความมั่นใจว่า \”ไม่เป็นไรแน่นอน แต่สิ่งที่ควรให้ความสนใจ คือ เมื่อ
ตั้งครรภ์ได้ 16 สัปดาห์ น่าจะเจาะน้ำคร่ำทำการตรวจโครโมโซมของทารก\”
คนไข้สตรีผู้นี้ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า \”ไม่ทำเด็ดขาด\” เธอได้มาฝากครรภ์ตามนัด
ทุกครั้ง การตั้งครรภ์ดำเนินไปโดยไม่มีปัญหาเช่นเดียวกับครรภ์ที่แล้ว คนไข้ได้รับการผ่าตัดคลอด
บุตรออกมาเมื่อครรภ์ครบกำหนด คราวนี้ได้ทารกเพศหญิง หนัก 3350 กรัม แข็งแรงสมบูรณ์ดี
ไม่มีปัญหาเรื่องภาวะปัญญาอ่อน
ภายหลังจากตรวจหลังคลอดแล้ว ข้าพเจ้ายังคงกล่าวคำเดิมล้อเล่นกับคนไข้สตรีผู้นี้
อีกว่า \”ระวังให้ดี ไม่แน่นะ ปีหน้าอาจจะท้องมาอีก\”
คนไข้สตรีและสามีหัวเราะชอบใจ \”คงไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้นอีกแล้วละ คราวนี้คง
ระวังตัวมากกว่าเดิม เอะ! หมอ เคยได้ยินเขาบอกว่า ผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป ที่มารักษาภาวะ
มีบุตรยาก มีโอกาสน้อยมาก ๆ ที่จะประสบความสำเร็จไม่ใช่หรือ\”
ข้าพเจ้าตอบ \”ใช่!…ในต่างประเทศ หลายสถาบันจะไม่ยอมรักษาให้กับสตรีที่มี
อายุเกิน 42 ปี หากไม่ใช้ \”ไข่\” บริจาค เพราะสตรีที่ไม่เคยตั้งครรภ์มาเลย อายุเกิน 42 ปี
การกระตุ้นไข่ต้องใช้ยาจำนวนมาก โอกาสจะได้ไข่ก็น้อยมากและอัตราการตั้งครรภ์มีน้อยไม่ถึง
ร้อยละ 10 เมื่อตั้งครรภ์ขึ้นมาแล้ว ยังมีโอกาสแท้งบุตรสูงถึงร้อยละ 50\”
\”อย่างนี้ นับว่า ภรรยาของผมยังแจ๋วอยู่ใช่ไหมครับ\” สามีของคนไข้หัวเราะชอบใจ
ก่อนที่จะอำลาจากไป
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
พ.ต.อ. นพ. เสรี ธีรพงษ์ ผูเขียน